ผู้นำแอฟริกาใต้เตือนโลกแบ่งแยกชนชั้นด้วยวัคซีนโควิด-19
วันนี้ (10พ.ค.64) ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ผู้นำแอฟริกาใต้ เปิดเผยว่า หากกลุ่มประเทศร่ำรวยผูกขาดการฉีดวัคซีน ขณะที่ประชาชนอีกหลายล้านคนในกลุ่มชาติยากจนต้องมาตาย ในระหว่างรอวัคซีนป้องกันโควิด-19
นอกจากนี้ แอฟริกาใต้ และ อินเดีย กำลังผลักดันให้ละเว้นทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับวัคซีนและยารักษาโรคในองค์การการค้าโลก ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ สนับสนุนข้อเสนอนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการบรรลุข้อตกลง
รามาโฟซา ยังเรียกร้องประชาชนในแอฟริกาใต้ ให้สนับสนุนเรื่องดังกล่าว เพราะวัคซีนป้องกันโควิด-19 ควรจะต้องเป็นยาสาธารณะของโลก พร้อมย้ำถึงความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ รามาโฟซา บอกด้วยว่า ประเทศร่ำรวยได้รับการฉีดวัคซีนที่ปลอดภัย แต่ประชาชนหลายล้านคนในชาติยากจน ต้องมาตาย ในระหว่างรอคอยวัคซีน
ด้านองค์การอนามัยโลก ระบุว่า แอฟริกาใต้ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนน้อยมาก เท่ากับ 8 โดสต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งรามาโฟซา ยังเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีก่อน ที่แอฟริกาใต้ เผชิญปัญหากับอุตสาหกรรมยาของโลก กรณีที่มีความพยายามนำเข้า เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี สาเหตุของโรคเอดส์ แต่มาถึงขณะนี้ โลกเผชิญการระบาดร้ายแรงอย่างไวรัสโควิด-19 และเป็นอีกครั้งที่ แอฟริกาใต้ พยายามแสวงหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนในประเทศ
อย่างไรก็ตาม รามาโฟซา บอกว่า แอฟริกาใต้ เป็น 1 ใน 5 ประเทศบนทวีปแอฟริกา ที่สามารถผลิตวัคซีน แต่ถึงกระนั้น แอฟริกาใต้ สั่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนหลายสิบล้านคน ผ่านทางข้อตกลงทวิภาคีกับ Johnson & Johnson และ Pfizer แต่วัคซีนของ Johnson & Johnson จะผลิตโดยบริษัทท้องถิ่นในแอฟริกาใต้อย่าง Aspen Pharmacare