ปิดอันดามัน4จว.ห้ามจับสัตว์น้ำ1เม.ย.-30มิ.ย.ฝ่าฝืนปรับสูงสุด5ล้าน

ประกาศปิดอ่าวอันดามัน 4 จังหวัดห้ามจับสัตว์น้ำฤดูปลามีไข่เลี้ยงตัวอ่อน1เม.ย.-30มิ.ย.ฝ่าฝืนปรับ5ล้าน

วันที่ 1 เมษายน 2563 ที่ท่าเทียบเรือศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเขต 3 จังหวัดกระบี่ ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นายอิทธิพล เมืองสง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเขต 3 จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยการปิดอ่าวฤดูปลามีไข่วางไข่เลี้ยงตัวในวัยอ่อนฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ และจังหวัดตรัง ประจำปี 2563 เริ่มวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563

ด้วยกรมประมงมีการศึกษาวิจัยติดตามชีววิทยาสัตว์น้ำบางชนิด พบว่าฝั่งทะเลอันดามันท้องที่จังหวัดดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำบางชนิด วางไข่อาศัยเลี้ยงลูกวัยอ่อนเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของทุกปี โดยเฉพาะปลาทูเป็นทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีคุณค่าสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงปลาเกล็ดขาว ปลาตะลุมพุก ปลาใบขนุน ปลาจาระเม็ด ปลานวลจันทร์ทะเล และกุ้ง จึงกำหนดใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดทำประมงในฤดูดังกล่าว จับสัตว์น้ำบางส่วนของ 4 จังหวัด และกำหนดพื้นที่เส้นล้อมรอบตั้งแต่แหลมพันวา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ถึงตะวันออกปลายแหลมหัวล้าน เกาะยาวใหญ่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ถึงเกาะบิดานอก อำเภอเมืองกระบี่ ถึงปลายแหลมเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ถึงปลายแหลมเกาะตะลิบง อำเภอกันตัง ถึงเกาะสุกร ถึงแหลมหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง รวมพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร 2,935,000 ไร่

โดยห้ามเครื่องมือทำการประมงด้วยเครื่องมืออวนลากทุกประเภททุกขนาดที่ใช้กับเรือกล อวนประเภทล้อมจับทุกชนิด เครื่องมืออวนติดตาขนาดชื่อตาเล็กกว่า 4.7 เซนติเมตร ส่วนเครื่องมือประมงที่ยกเว้นให้ทำการประมงได้คือ เครื่องมืออวนล้อมจับปลากะตักในเวลากลางวัน ทำการประมงตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก เครื่องมืออวนลากคานเก่าที่ใช้กับเครื่องกล แผ่นตะเข่มีคานถ่าง อวนลากที่ใช้ประกอบเรือกลใช้เชือกเส้นใยประดิษฐ์เป็นสายลากอวน จับได้เวลากลางคืนตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น เครื่องมืออวนโป๊ะ ผู้ประกอบการประมงฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 5 ล้านบาท ตามขนาดเรือหรือปรับ 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่จับได้แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ริบเรือและเครื่องมือทำการประมงที่ใช้กระทำผิด