โอมิครอนแพร่แล้ว 33 จังหวัด ยอดสะสม 740 ราย กรุงเทพฯ แชมป์ ภาพรวมยังเป็นเดลต้า
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ขณะนี้ทั่วโลกพบโอมิครอนอย่างน้อย 108 ประเทศ พบครบทุกรัฐในสหรัฐอเมริกา และการติดเชื้อก็ทะยานเรื่อยๆ สำหรับประเทศไทย สรุปตัวเลขติดเชื้อโอมิครอน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน- วันที่ 28 ธันวาคม 2564 ยอดสะสม 740 ราย มาจากต่างประเทศ 489 ราย และในประเทศ 251 ราย ซึ่งภาพรวมสะสมมาตั้งแต่ต้นก็ประมาณ ร้อยละ 8-9 ทั้งนี้ พบเชื้อโอมิครอนเกือบทุกเขตสุขภาพ รวม 33 จังหวัด ที่พบโอมิครอนอย่างน้อย 1 ราย ยกเว้น เขตสุขภาพที่ 2 คือ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก แต่เขตอื่นๆ พบมากน้อยแตกต่างกันไป
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า พื้นที่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร เนื่องจากตรวจผู้เดินทางจากต่างประเทศ ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ และต้องกักตัวรอผลตรวจในกรุงเทพฯ รองลงมา เขตสุขภาพที่ 7 คือ ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ ซึ่งมีคลัสเตอร์ใหญ่เกิดขึ้น อีกเขตคือ เขตสุขภาพที่ 11 เป็นภาคใต้ฝั่งอันดามัน อย่าง ภูเก็ต และ สมุย อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่า พื้นที่ของประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นเชื้อเดลต้า ไม่ใช่โอมิครอนแต่อย่างใด
“สัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนเชื้อโอมิครอนเพิ่มค่อนข้างเร็ว แม้ตัวเลขจะพบ ร้อยละ 66 แต่ไม่ได้แปลว่า วันนี้มีโอมิครอนอยู่ตามนั้น เพราะตัวอย่างที่มาส่ง เราหมายตาแล้ว เนื่องจากเป็นกลุ่มเดินทางมาจากต่างประเทศ หรือกลุ่มที่มีประวัติสัมผัสกับคนมาจากต่างประเทศ ดังนั้น โอกาสเป็นโอมิครอนจะสูงมากกว่า” นพ.ศุภกิจ กล่าวและว่า กรมวิทยาศาสตร์ฯ ไม่ได้ตรวจแค่เชื้อโอมิครอน แต่ตรวจทุกสายพันธุ์ที่มี ซึ่งการสุ่มตรวจ มีทั้งเดินทางมาจากต่างประเทศ และในประเทศ อย่างกลุ่มเสี่ยง ทั้งชายแดน คนไข้อาการหนัก คลัสเตอร์แปลกๆ และจำนวนหนึ่งก็มีการตรวจรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และส่งข้อมูลไปจีเสส (GISAID) ที่เป็นถังกลางการส่งข้อมูลทั่วโลก
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ประเด็นอีกอย่างคือ การแพร่ระบาดใดๆ ก็ตาม หากมีจำนวนแพร่เชื้อค่อนข้างมากและเร็ว โอกาสเกิดกลายพันธุ์จะสูงตามไปด้วย จึงต้องมีการติดตามต่อเนื่อง
“ยืนยันว่า เราตรวจสายพันธุ์ตลอด แม้จะเป็นเทศกาลปีใหม่ วันหยุด แต่เราไม่หยุด โดยได้สั่งการให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่ง ไม่หยุดตรวจสายพันธุ์ เราจะดำเนินการอย่างเข้มข้น เพียงแต่วันนี้ที่โอไมครอนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นทั้งหมด” นพ.ศุภกิจ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายละเอียดเคสสายพันธุ์โอไมครอนจากกลุ่มในประเทศมี 19 จังหวัด ตามเขตสุขภาพต่างๆ ดังนี้
เขตสุขภาพที่ 1 ประกอบด้วย เชียงใหม่ 1 ราย มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อโอมิครอน และลำพูน 4 ราย สัมผัสเคสยืนยัน คลัสเตอร์กาฬสินธุ์
เขตสุขภาพที่ 7 ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ 119 ราย ขอนแก่น 12 ราย มหาสารคาม 42 ราย ร้อยเอ็ด 50 ราย เป็นพนักงานเสริฟและคนที่มารับประทานอาหารสถานที่เดียวกัน ผู้ติดเชื้อที่กลับจากเบลเยียม สัมผัสเคสยืนยัน คลัสเตอร์กาฬสินธุ์
เขตสุขภาพที่ 8 ประกอบด้วย อุดรธานี 3 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่เดินทางกลับจากเบลเยี่ยม จ.เลย 2 ราย สัมผัสเคสยืนยันโอมิครอน ที่กทม. หนองคาย 2 ราย สัมผัสเคสยืนยัน และหนองบัวลำภู 1 ราย สัมผัสเคสยืนยัน คลัสเตอร์กาฬสินธุ์
เขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย สุรินทร์ 1 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่เดินทางกลับจากเดนมาร์ก และชัยภูมิ 1 ราย เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง จ.ชลบุรี และกาฬสินธุ์
เขตสุขภาพที่ 10 ประกอบด้วย อุบลราชธานี 3 ราย กลับจากพื้นที่เสี่ยงไปสังสรรค์ร้านดื่มกลางคืน จ.มุกดาหาร 1 ราย กลับจากพื้นที่เสี่ยงไปสังสรรค์ร้านดื่มกลางคืน และยโสธร 1 ราย สัมผัสเคสยืนยันคลัสเตอร์กาฬสินธุ์
เขตสุขภาพที่ 11 ประกอบด้วย ภูเก็ต 2 ราย กระบี่ 1 ราย ประวัติ HRC สัมผัสผู้ติดเชื้อโอไมครอน
เขตสุขภาพที่ 12 ปัตตานี 3 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากการแสวงบุญ ซาอุฯ
เขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพฯ 2 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อทีเป็นสามี เป็นนักบินมาจากไนจีเรีย และเจ้าหน้าที่รัฐ เดินทางไปประชุมหลายจังหวัด