รีเซต

CGSI เปิดโผ 7 หุ้นที่ควรซื้อ เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยคดีนายกรัฐมนตรี

CGSI เปิดโผ 7 หุ้นที่ควรซื้อ เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยคดีนายกรัฐมนตรี
ทันหุ้น
4 กรกฎาคม 2567 ( 11:21 )
31

#ทันหุ้น - ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีภายในเดือนก.ค.2567 นี้ โดยอาจเป็นวันที่ 17, 24 หรือ 31 ก.ค. เนื่องจากปกติแล้ว ศาลจะนัดพิจารณาคดีทุกวันพุธ ขณะที่เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่นายกฯเศรษฐาจะถูกตัดสินว่ามีความผิดและทำให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

 

อย่างไรก็ตาม ผลการตัดสินคดีนี้ไม่ทำให้ไทยต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ เพราะไม่ส่งผลต่อรัฐสภา ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า จะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ใช้เวลายาวนานของไทย

 

แต่ในกรณีถ้านายกฯเศรษฐาถูกศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด เชื่อว่าหุ้นของบริษัทที่เน้นทำธุรกิจในประเทศ (domestic exposure) จะตอบสนองเชิงบวกมากกว่าหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจในต่างประเทศ (external exposure) โดยหุ้นที่ปรับตัวลงมากสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.2567 เมื่อนักลงทุนต่างชาติเริ่มเทขายหุ้นไทย คือ BTS, EPG, JMT, ORI และ IVL

 

สำหรับกรณีถ้านายกฯเศรษฐาถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด เชื่อว่าตลาดหุ้นน่าจะมีความผันผวนค่อนข้างสูง เพราะรัฐมนตรีทั้งคณะจะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย ถึงแม้ว่าไทยจะไม่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ก็ตาม ขณะที่เชื่อว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือนกว่าที่รัฐบาลชุดใหม่จะสามารถเริ่มทำงานได้

 

ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่าหุ้นปลอดภัย (defensive stock) และหุ้นที่มีธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งถูกเทขายอย่างหนักไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ น่าจะตอบสนองเชิงบวกต่อข่าวนี้มากกว่าหุ้น domestic play โดยเชื่อว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยจะอยู่ในระดับสูงสุดช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. 2567 และตลาดหุ้นน่าจะแกว่งตัวลง จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี

 

โดยหุ้น Top pick ในกรณีนี้ คือ AMATA, BBL, CPALL, GFPT, KBANK, PTTEP และ TU อย่างไรก็ตาม ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปีอยู่ที่ 1,480 จุด ซึ่งจะเท่ากับP/E 15 เท่าในปี 68  หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยมองว่าสถานการณ์การเมืองที่ชัดเจนขึ้นและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ จะช่วยกระตุ้นการซื้อขายในตลาด ส่วน downside risk จะมาจากความล่าช้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต, การยื่นฟ้องรัฐบาลเพิ่มเติม, การที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมามากขึ้นและเศรษฐกิจไทยที่อ่อนตัว

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง