ปิด"ช่องแคบฮอร์มุซ"น้ำมันจ่อแตะ 110 ดอลล์

“โกลด์แมน แซคส์” ประเมินว่า โลกอาจเผชิญความเสี่ยงเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันท่ามกลางความเป็นไปได้ที่การขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซอาจอาจหยุดชะงัก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจขยับแตะ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซหายไปครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 1 เดือน และยังคงลดลงร้อยละ 10 ในช่วง 11 เดือนหลังจากนั้น

รายงานระบุด้วยว่า จากนั้นราคาจะปรับลดงเล็กน้อย โดยราคาน้ำมันดิบเบรนต์เฉลี่ยจะอยู่แถว 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

ขณะที่ล่าสุดราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม หลังจากสหรัฐฯ ร่วมกับอิสราเอลโจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยช่วงเช้าวันนี้ (23 มิ.ย.) ราคาน้ำมันดิบเบรนต์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49 อยู่ที่ 78.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสขยับขึ้นร้อยละ 2.56 แตะที่ 75.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

โกลด์แมน แซคส์ อ้างข้อมูลจาก “โพลีมาร์เก็ต” ระบุว่า ขณะนี้มีความน่าจะเป็นร้อยละ 52 ที่อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซในปีนี้

นอกจากนี้ โกลด์แมนฯ ยังระบุว่า หากอิหร่านมีปริมาณน้ำมันลดลง 1.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน ก่อนฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจพุ่งทำสถิติ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะลดลงแตะที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในปี 2569

ฉากทัศน์ที่ 2 หากการผลิตน้ำมันของอิหร่านยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่จะทรงตัวที่ระดับ 70-80 ดอลลาร์ในปี 2569