รีเซต

จับตาราคา บิตคอยน์ กลับมาฟื้นตัวได้ เพราะอะไร??

จับตาราคา บิตคอยน์ กลับมาฟื้นตัวได้ เพราะอะไร??
TNN ช่อง16
25 พฤษภาคม 2564 ( 13:37 )
92

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนอาจจะได้เห็นราคา บิตคอยน์ ปรับตัวลงอย่างหนัก ด้วยข่าวคราวเกี่ยวกับนักลงทุนรายใหญ่ อย่างเจ้าพ่อเทคโนโลยี  “อีลอน มัสก์” ซีอีของ เทสลา อิงก์ ที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลต่อวงการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะขยับหรือโพสต์อะไรบนลงโซเชียล ก็เป็นที่จับตาของนักลงทุนไปซะหมด เรียกได้ว่าการเคลื่อนไหวของเขา ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการขึ้นลงของราคา บิตคอยน์ หรือเหรียญอื่นๆในตลาดเลยก็ว่าได้ 

อย่างเช่นกรณีที่ อีลอน มัสก์ ไปทวีตข้อความเชียร์ Dogecoin หรือ DOGE เหรียญน้องหมาชิบะทีสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นมีมตลกเท่านั้น ไม่ได้มีพื้นฐานใดๆ ที่จะสร้างมูลค่าได้ แต่ด้วยการเชียร์ของ อีลอน มัสก์ ก็ทำให้ DOGE มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 5,000 เปอร์เซ็นต์จากหนึ่งปีก่อนหน้านั้น

และก่อนหน้านี้ บริษัทเทสลาของเขาก็ประกาศแบ่งเงินสดไปใช้ซื้อบิตคอยน์เพื่อเก็บมูลค่าทดแทน ตามมาด้วยการประกาศให้ใช้บิตคอยน์ซื้อรถเทสลาได้ ซึ่งหลังจากประกาศทั้งสองครั้ง ก็ทำให้ราคาของเหรียญพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ต่อมามีข่าวการประกาศขายบิตคอยน์ของเทสลาในสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ของที่เคยซื้อไว้ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเทสลาประกาศงดรับบิตคอยน์สำหรับการซื้อรถเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะเหตุผลที่ว่าบิตคอยน์ทำให้โลกร้อน เป็นเหตุให้นักลงทุนแห่เทขายและทำให้ราคาบิตคอยน์นั้นดิ่งลงเหวในทันที

ล่าสุด สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “อีลอน มัสก์” ซีอีโอบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า “เทสลา อิงก์” ก็ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ว่า ได้พูดคุยกับนักขุดบิตคอยน์แถบอเมริกาเหนือ โดยทางนักขุดยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานที่ใช้ไปสำหรับการขุดบิตคอยน์ รวมทั้งแผนการใช้พลังงานหมุนเวียนในอนาคต

ขณะเดียวกัน “ไมเคิล เซย์เลอร์” ซีอีโอบริษัทซอฟต์แวร์ “ไมโครสตราเทจี” (Microstrategy) ซึ่งได้ลงทุนบิตคอยน์ไปเช่นกัน กล่าวว่า เขาได้เป็นเจ้าภาพการประชุม ระหว่างอีลอน มัสก์ และ นักขุดบิตคอยน์บางส่วน โดยตอนนี้ได้ก่อตั้ง “สภาขุดบิตคอยน์” (Bitcoin Mining Council) ซึ่งจะช่วยโปรโมตการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

ในวันเดียวกัน Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง บริษัท Bridgewater Associates ก็ได้ออกมายอมรับว่า "เขาถือบิตคอยน์อยู่" (เขาได้ให้สัมภาษณ์ ซึ่งบันทึกไว้เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ข่าวเพิ่งถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ coindesk) อีกทั้งยังได้แสดงความเห็นด้วยว่า  เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้จะอ่อนค่าลงในระดับที่เคยเกิดครั้งล่าสุดในปี 1971 และจีนกำลังคุกคามบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ bitcoin ที่มีคุณสมบัติเหมือนทองคำ ดูจะน่าสนใจมากขึ้นในฐานะเป็นเครื่องมือในการออม

ซึ่งแน่นอนว่ากรณีดังกล่าว ทำให้ราคาบิตคอยน์กลับมาฟื้นตัวได้ โดยวันนี้ (25 พ.ค.)ราคาบิทคอยน์ พุ่งขึ้น +11.35% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน โดยราคาบิตคอยน์ ล่าสุด ( 11.30 น.) อยู่ที่ประมาณ 1,260,000 บาท ส่วนเหรียญดิจิทัลอื่นๆ Ethereum พุ่งขึ้น 25.84% Binance Coin ปรับลง .14% และ Dogecoin พุ่งขึ้น 21.43% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรุปราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี

ลำดับ
เหรียญ
ราคา
(หน่วย:เหรียญสหรัฐ )
เปลี่ยนแปลง
1Bitcoin (BTC)
 39,101.30 /BTC 
+11.35%
2Ethereum (ETH) 
2,681.76 /ETH 
 +25.84%
3Tether (USDT)
01.00 /USDT -0.14%
4Binance Coin (BNB)
359.10 /BNB 
+34.86%
5Cardano (ADA)
01.59 /ADA 
+21.43%
6 Uniswap (UNI) 
25.65 /UNI 
 +49.98%
7Dogecoin (DOGE)
 0.36 /DOGE 
+17.38%
8Polkadot (DOT)
 23.39 /DOT 
+31.51%
9USD Coin (USDC) 
1.00  /USDC 
0.00%
10 Internet Computer (ICP)
147.42  /ICP 
+3.29%

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th


อย่างไรก็ตาม แม้ว่า "อีลอน มัสก์" จะมีอิทธิพลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญแต่ตลาดคริปโตเคอเรนซีนั้นก็มีความผันผวนของมันมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะ บิตคอยน์  ด้วยความที่มีภาษีของการเป็นสกุลเงินดิจิทัลเหรียญแรก และยังเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของอีกหลายพันเหรียญที่เกิดขึ้นตามๆมาด้วย

หากจะย้อนกลับไปดูราคา บิตคอยน์ แล้วจะพบว่าเคยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ช่วงปี 2017-2018 โดยขณะนั้น บิตคอยน์ มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สุดท้ายด้วยความหวังและแรงผลักดันต่างๆ ก็ทำให้มันเป็นเหมือนฟองสบู่ที่แตกไป จนราคาลดลงเหลือที่ 3,000-4,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ก่อนจะค่อยๆ ไต่ระดับกลับมาอีกครั้ง

และช่วงปลายปี 2020 ราคาของบิตคอยน์ก็พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว จาก 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปแตะ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน

ส่วนในภาพรวมของคริปโตเคอเรนซีก็อ่อนไหวและมีความผันผวนสูงอยู่แล้วตามปัจจัยรอบด้าน โดยเฉพาะข่าวการลงทุนของบรรดา บริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือ หรือข่าวจริงก็ตาม

อย่างเมื่อตอนวันที่  1 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีผู้ปล่อยข่าวลือในทวิตเตอร์ว่าอาลีบาบาจะซื้อบิตคอยน์มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคากราฟมูลค่าบิตคอยน์พุ่งขึ้นแบบเป็นกราฟเส้นตรง สร้างความตื่นเต้นไปตามๆกัน 

กรณีล่าสุดที่มีข่าวออกมาว่า รัฐบาลจีนประกาศจะไม่สนับสนุนและไม่อนุญาตให้ใช้เงินดิจิทัลทำธุรกรรมทางการเงิน ก็ส่งผลให้เหรียญต่างๆ มูลค่าร่วงไปตามๆ กัน บิตคอยน์ เองก็ร่วงลงไปจนมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน ส่วนเหรียญอื่นๆ ก็อยู่ในภาวะ คล้ายๆกัน เรียกว่ากระทบไปทั้งตลาด


ดังนั้น หากจะสรุปก็คือไม่ว่าจะเป็นปัจจัยน้อยใหญ่ ก็มีอิทธิพลและมีผลต่อราคาเหรียญดิจิทัลในภาพรวมได้ทั้งนั้น ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแค่ "อีลอน มัสก์" เท่านั้นที่มีอิทธิพลต่อตลาด แต่หากเป็นผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ก็มีผลต่อราคาเงินดิจิทัลเช่นกัน  ซึ่งเชื่อว่าบรรดานักลงทุนเองก็กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเริ่มเข้ามาในตลาดนี้  ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือความพร้อมของแต่ละคนเช่นกัน  

แต่ที่ยังคงเน้นย้ำที่สุด คือ ไม่ว่าจะลงทุนในรูปแบบใดก็ตาม ขอให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด  "เพราะไม่ว่าจะลงทุนในรูปแบบไหนก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น"


ข่าวที่เกี่ยวข้อง