อนามัยโลกหนุนใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แม้ในประเทศที่พบไวรัสกลายพันธุ์
องค์การอนามัยโลกออกมาแนะนำให้มีการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและบริษัทยาแอสตร้าเซนเนก้า ในประเทศที่พบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19
แม้ไวรัสกลายพันธุ์บางตัวจะแสดงให้เห็นว่าทำให้วัคซีนด้อยประสิทธิภาพลง แต่องค์การอนามัยโลกยืนยันว่าวัคซีนยังสามารถใช้การได้ และใช้ได้กับผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี หลังจากที่บางประเทศไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนดังกล่าวกับผู้สูงวัย
องค์การอนามัยโลกระบุว่าการรับวัคซีนให้ครบทั้ง 2 โดส เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในอังกฤษ จะทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้วัคซีนออกซฟอร์ด/แอสตร้าเซนเนก้าถูกมองว่าเป็นวัคซีนของโลก เนื่องจากมีราคาถูก สามารถผลิตในจำนวนมาก และเก็บรักษาไว้ได้ในตู้เย็นปกติ
อย่างไรก็ดีมีข้อถกเถียงมากมายของประสิทธิภาพวัคซีนต่อไวรัสกลายพันธุ์ การใช้งานกับผู้สูงวัย รวมถึงควรมีการรับวัคซีนห่างกันเท่าใด เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้
Sage ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกัน และเป็นที่ปรึกษาทางด้านยุทธศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกกำลังเร่งตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลของการทดสอบทางคลีนิค โดยได้มีคำแนะนำเบื้องต้นว่าวัคซีนออกซฟอร์ด/แอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพโดยรวม 63%
ดร.อเลจันโดร คราวิโอโต ประธาน Sage ย้ำว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่แนะนำให้ใช้วัคซีน แม้ในประเทศที่พบการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ก็ตาม
กระนั้นก็ดีข้อมูลเบื้องต้นจากการทดสอบในแอฟริกาใต้ระบุว่า วัคซีนมีผลในการปกป้องต่อผู้ที่มีอาการของโรคใหม่มากในคนรุ่นหนุ่มสาว
ดร.แคทเทอรีน โอไบรอัน ผู้อำนวยการด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลกระบุว่า การศึกษาที่ทำขึ้นในแอฟริกาใต้ยังไม่มีผลสรุปที่แน่ชัด และยังเชื่อถือได้ว่าวัคซีนจะป้องกันโรคร้ายได้