เปิดเหตุผลทำไมทั่วโลกจ้องแบน TikTok ?
TikTok ถือเป็นแอปพลิเคชั่นยอดฮิต ที่เล่นได้มากถึง 155 ประเทศทั่วโลก ที่พบการดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 2,000 ล้านครั้ง และมีผู้ใช้บริการมากถึง 800 ล้านคนทั่วโลก นับตั้งแต่ที่เปิดตัวมาเมื่อปี 2016 ละเพียง 3 ปีหลังเปิดตัว ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก กลายเป็นแอปฯ ยอดนิยมอันดับ 9 ของโลกในเวลานี้
ซึ่งหากเทียบกับแอปพลิเคชั่นดังอื่นอย่าง Instagram ต้องใช้เวลานานถึง 6 ปี และเฟซบุ๊กใช้เวลาถึง 4 ปีกว่าจะมาถึงจุดเดียวกันนี้ และจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่พบว่าความนิยมจะลดน้อยลงแต่อย่างใด
ยิ่งการระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้การดาวน์โหลดแอพฯ และการใช้บริการจะยิ่งสูงมากขึ้น ระหว่างการถูกกักตัว พบสถิติถูกดาวน์โหลดแอพฯ มากกว่ายูทูปและเฟซบุค ใน App Store ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 ด้วย
นอกจากนี้ยังมีสถิติว่า แอปฯ TikTok มีผู้ใช้บริการในอินเดียสูงที่สุดคือ กว่า 611 ล้านดาวน์โหลด ซึ่งนับเป็น 30% ของยอดดาวน์โหลดทั้งหมดของแอพฯ อีกทั้งยังรองรับภาษาในอินเดียมากกว่า 15 ภาษาด้วย!
ขณะที่ในประเทศบ้านเกิดอย่างจีน พบยอดดาวน์โหลดเพียง 196.6 ล้านครั้ง น้อยกว่ากว่า 3 เท่าตัว และอันดับที่ 3 คือ สหรัฐอเมริกา ที่มียอดดาวน์โหลดมากถึง 165 ล้านครั้ง ซึ่งคิดเป็น 8% ของยอดทั้งหมด
ดูเหมือนกับความป๊อปปูล่านี้เอง ที่ทำให้ TikTok กำลังถูกจ้องมองอย่างหนักจากหลายประเทศ โดยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านพบว่า
- อินเดียได้ทำการแบน TikTok พร้อมกับ 58 แอปฯจากจีนแล้ว ซึ่งทำให้ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ TikTok หายไป
- รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ ปอมเปโอ ได้ระบุว่า กำลังพิจารณาแบน TikTok และแอปฯอื่น ๆ ของจีนด้วย และวันถัดมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็กล่าวยืนยันว่ากำลังพิจารณาอยู่จริง
- นอกจากนี้ยังมีประเทศเล็ก ๆ อย่างปากีสถานเตรียมดำเนินการแบน TikTok ด้วย
แล้วทำไมประเทศเหล่านี้ถึงต้องแบน TikTok?
หากมองในแง่การเมือง นี้คือประเด็นเรื่อง “ภูมิศาสตร์การเมือง” โดยเฉพาะ อินเดีย ที่แสดงความกังวลถึงภัยความมั่นคง โดยระบุว่า แอปฯ TikTok นั้นเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของอินเดีย
ส่วนนายปอมเปโอ ก็กล่าวกังวลในประเด็นเดียวกัน และเมื่อถามว่า “เราจะโหลดแอปฯนี้ แค่มาใช้ดูได้ไหม?” นายปอมเปโอ ก็บอกว่า “ได้สิ หากคุณอยากจะให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณไปอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
แล้วมันเป็นภัยต่อความมั่นคงจริงหรือไม่? ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด เพราะทั้งสหรัฐฯและอินเดียก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ขณะที่ทางโฆษก TikTok ก็บอกว่า CEO ของ TikTok ก็เป็นชาวอเมริกัน และยังมีพนักงานหลายร้อยที่เป็นชาวอเมริกัน เราให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในสหรํฐฯ และยืนยันว่าไม่เคยส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ให้รัฐบาบาลจีน และจะไม่ทำด้วยหากถูกร้องขอ”
ในเมื่อ หากไม่เกี่ยวกับความมั่นคงแล้ว จะแบน TikTok ทำไม? แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการตอบโต้จีน เพราะอินเดียเพิ่งมีเหตุปะทะกับจีน
ขณะที่สหรัฐฯก็มีประเด็นพิพาทที่หลากหลายกับแดนมังกร .. อีกทั้งยังมีความจริงที่ว่า กลุ่มผู้ใช้บริการ TikTok ในสหรัฐฯ ทำให้การหาเสียงของทรัมป์ ครั้งแรกในเมืองทุลซ่า เมื่อเดือนที่แล้วแทบจะร้างผู้คน
มันจึงกลายเป็นเหมือน “ความแค้นส่วนตัว” มากกว่า “ภัยความมั่นคง” เสียอีก
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline