รีเซต

จิตแพทย์ชวน "สำรวจใจ" ครึ่งปีแรก เพื่อวางแผนชีวิตครึ่งปีหลัง

จิตแพทย์ชวน "สำรวจใจ" ครึ่งปีแรก เพื่อวางแผนชีวิตครึ่งปีหลัง
TNN ช่อง16
14 มิถุนายน 2568 ( 06:00 )
9

ครึ่งปีผ่านไป ทำไมรู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ยังไม่พัฒนา เหมือนหยุดอยู่กับที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แถมยังรู้สึกว่าแย่ลงด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิต ปีนี้โหมงานหนัก มีโรคระบาด เจอภัยธรรมชาติทั้งน้ำท่วมและแผ่นดินไหว สุขภาพจิตไม่ดี มีแต่เรื่องกวนใจ วันนี้เลยขอชวนคุณมาเช็กสุขภาพใจและวางแผนครึ่งปีหลังไปพร้อม ๆ กัน


แนะนำวิธีเช็กสุขภาพใจ อาจเป็นการลองถามตัวเองง่าย ๆ เช่น 

-ถ้าให้รีวิวช่วงที่ผ่านมา จะเหมือนกับหนัง/เพลงเรื่องไหน เพราะอะไร แล้วคิดยังไงบ้างที่ผ่านช่วงนั้นมาได้ อยากบอกอะไรกับตัวเองบ้าง ถ้าให้ชมตัวเองด้วยประโยคหนึ่งจะชมว่าอะไร?

- ตอนนี้ใช้ชีวิตประจำวันเป็นยังไงบ้าง มีอะไรที่เมื่อก่อนทำได้ แล้วตอนนี้ไม่ได้ทำไหม เพราะอะไร รู้สึกยังไงบ้างที่ไม่ได้ทำ?

- มีความรู้สึกอะไรที่รบกวนอยู่ช่วงนี้ไหม หรือมีเรื่องที่ทำให้คิดไม่ตก หรือเอาออกจากหัวไม่ได้ไหม? 

- สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติที่เคยทำหรือเปล่า กินข้าวได้ไหม นอนหลับได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ เป็นเพราะอะไร มีอะไรรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเรา?


หากถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ และมีความคิดด้านลบ หรือมีบางอย่างรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่สามารถชื่นชมตัวเองได้ ให้ตั้งข้อสังเกตว่าสุขภาพใจของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจลองพูดคุยเพื่อขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาคลินิกเพื่อหาแนวทางแก้ไข

แนะนำวิธีวางแผนชีวิตในครึ่งปีหลัง 

ควรตั้งเป้าหมายภายใต้กฎ SMART goals ซึ่งย่อมาจาก 


S : Specific = เฉพาะเจาะจงว่าจะทำอะไร หากบอกว่าจะออกกำลังกาย ต้องระบุว่าออกกำลังกายที่ว่าคืออะไร หากเป้าหมายไม่เฉพาะเจาะจงจะทำให้ยากต่อการวัดผล และการบรรลุเป้าหมายนั้น


M : Measurable =  วัดผลได้ เช่น ถ้าจะออกกำลังกาย จะวัดผลอย่างไร เป็นเวลา เป็นเซต เป็นรอบ 


A : Achievable = สามารถทำได้จริง  เช่น เงินเดือน 20,000 บาท ไม่มีหนี้สินและภาระอื่น มีเป้าหมายจะเก็บเงินเดือนละ 500 บาท เป็นเป้าหมายที่สามารถทำให้สำเร็จได้ แต่หากมีเงินเดือน 20,000 บาท จะเก็บ 19,500 บาท โดยมีภาระที่ต้องจ่ายค่าอื่น ๆ ความเป็นไปได้จะน้อยและส่งผลให้ทำไม่สำเร็จ


R : Relevant = สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของเรา หรือรูปแบบการใช้ชีวิต หากเป้าหมายไม่สอดคล้องกับเรา จะทำให้เรารู้สึกท้อแท้ที่ไม่สามารถทำได้ เช่น เป็นคนไม่เคยวิ่งมาก่อน ไม่ได้ชอบการออกกำลังกายมาก ตั้งเป้าหมายว่าวิ่งวันแรก จะวิ่งตลอดและไม่เดินเลย 10 กิโล ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หรือเป็นพนักงานเงินเดือนเลิกงานดึก แต่ตั้งเป้าหมายว่าจะออกกำลังกายหลังเลิกงานให้ได้ทุกวัน ก็อาจจะยากมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตไม่ได้เอื้ออำนวย


T : Time-bound = มีแวลาแน่นอน ซึ่งถ้าให้ดีควรมีทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว เพราะหากมีเป้าหมายระยะยาวอย่างเดียว เราจะมองไปที่ผลลัพธ์ว่ายังไม่ถึงเป้าหมาย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกท้อได้ เปรียบเทียบกับนักปีนเขา ที่มุ่งมั่นว่าจะต้องถึงยอดเขาให้ได้ ถ้าปีนไปเรื่อย ๆ จะเหนื่อยและท้อ ขาดกำลังใจได้ ถ้าค่อย ๆ ปีน ค่อย ๆ ชื่นชมธรรมชาติรอบทาง จะช่วยให้มีกำลังใจและไปต่อได้ง่ายขึ้น


*กฎ SMART goals ไม่ใช่กฎตายตัว แต่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้นและไม่แอบท้อระหว่างทางค่ะ

หากสนใจปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาคลินิก ติดต่อได้ที่

Me Center คริสตัล ดีไซน์ เซนเตอร์ (CDC) ชั้น 2 

โทร 085-355-2255

Me Center ศูนย์สมองและสุขภาพจิต ชั้น 8 โรงพยาบาลอินทรารัตน์ 

โทร 02-481-5555 ต่อ 8300

Line Official: @mecenter (https://lin.ee/mCheDsu)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง