ผู้บริหารยัน รพ.สนามธรรมศาสตร์ยังเอาอยู่ เชื่อยื้อได้อีกหลายสัปดาห์ แม้ผู้ป่วยพุ่งไม่หยุด
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เขียนข้อความรายงานสถานการณ์โรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า
วันที่สิบแปดของการเปิดรับผู้ป่วยเข้า รพ.สนามธรรมศาสตร์
สถานการณ์รวมของประเทศยังทรงตัว มีผู้ป่วยใหม่เกินสองพันรายอยู่ แต่ก็เป็นไปตามที่พวกเราหวังไว้ ที่จะให้จำนวนไม่เพิ่มขึ้น แล้วถึงวันศุกร์ก็จะค่อยๆลดลง ให้พวกเราที่อยู่หน้างานได้ยิ้มกว้างขวางขึ้นบ้างหลังจากที่ถูกกดดันให้ต้องเร่งมือรับผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันโดยที่คนเดิมที่เพิ่งรับเข้ามาเมื่อสองสามวันก่อนก็ยังนอนอยู่ อย่างที่เป็นมาตลอดสัปดาห์
แม้สถานการณ์ผู้ป่วยใหม่จะผ่อนคลายลง แต่สำหรับผู้ป่วยหนัก -ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ-กลับตรงกันข้าม เพราะเราแทบจะdischarge ผู้ป่วยหนักไม่ได้เลย หลายคนครองเตียงICU มาเกือบสามอาทิตย์แล้ว และมีผู้ป่วยหนักที่ต้องการ Oxegen High Flow จนกระทั่งใส่ท่อช่วยหายใจมากขึ้นทุกวัน เตียงในICU โควิดหนึ่งเตียง คือโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชีวิต สถานการณของทุกโรงพยาบาลเป็นอย่างนี้จริงๆ
นี่ยังไม่นับผู้ป่วยที่มีโรคแทรก ไม่ว่าจะต้องการการฟอกไต หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียหลังเกิดภาวะปอดอักเสบจากไวรัส. ซึ่งอาจต้องการการจัดการพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเครื่องฟอกไตเข้าไปในICU การจัดหานำ้RO ให้เฉพาะเตียงผู้ป่วย หรือการต้องดูแลการติดเชื้อเฉพาะที่ของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดการรักษาชีวิตของผู้ป่วยโควิดอาการหนักแต่ละรายจึงมีความซับซ้อนและมีต้นทุนมหาศาล. ที่นี่พวกเราไม่มีปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่าย แต่มีปัญหาเรื่องต้นทุนบุคลากร ซึ่งอาจต้องใช้คนถีงสามคนในการผลัดกันรับผิดชอบผู้ป่วยหนึ่งเตียง และมีปัญหาเรื่องห้องผู้ป่วยวิกฤติแยก หรือห้อง negative pressure ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่ได้ง่ายๆ กับทั้งมีปัญหาเรื่องอุปกรณช่วยชีวิตระดับกึ่งวิกฤติ ซึ่งก็คือเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วย
วันนี้ เตียงICU ทั้งในCohort iCU และในICU Burn ที่เราเปิดเพิ่มขึ้น 16เตียง รับผู้ป่วยวิกฤติและกึ่งวิกฤติเข้าไปดูแลแล้วเก้าเตียง เหลือที่จะรับคนไข้หน้กได้อีกเพียงเจ็ดรายเท่านั้น เราจะจัดการอย่างไรสำหรับคนไข้หนักที่จะมามากขึ้นอีกหลังวันศุกร์
พรุ่งนี้ บ่ายสองโมง เครื่องช่วยหายใจHigh Flow 30เครื่องจากน้ำพระทัยผ่านมูลนิธิชัยพัฒนาจะมาถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรจะให้หนึ่งเครื่องได้ช่วยชีวิตได้หนึ่งคนโดยทันที ในสถานการณ์ที่พวกเราใช้กำลังบุคลากรทางการแพทย์ของเราไปเกือบหมดสิ้นแล้ว กับผู้ป่วยโควิดกว่าสีร้อยคนที่เราดูแลอยู่และที่จะมาเพิ่มอีกวันละ4-50คนทุกๆวัน และการที่จะต้องจัดหอผู้ป่วยวิกฤติโควิดเพิ่ม ซึ่งต้องการเวลา เวลาที่มีเหลือไม่มากของผู้ป่วยหนักที่หายใจเองลำบากขึ้นทุกๆวัน
เราตัดสินใจกันที่นี่ ในบ่ายวันนี้ ว่าเราจะทำให้เกิดเตียงผู้ป่วยวิกฤติโควิดขึ้นอีกทันทีในวันศุกร์นี้อีก21เตียง ในตอนเหนือของกทม .ซึ่งเป็นเขตที่เรารับผิดชอบเป็นหลักอยู่ บ่ายสองโมงพรุ่งนี้ ทันทีที่เรารับเครื่องช่วยหายใจพระราชทาน30เครื่องมา ผู้แทนจากโรงพยาบาลเครือข่ายสี่รพ.ทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งได้ตกลงเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งมีความพร้อมที่จะจัดห้องแยกโรคเฉพาะ กับมีทีมแพทย์และพยาบาลที่มีศักยถาพเพียงพอ แต่ไม่มีอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจเพียงพอจะมารอ”ยืม” เครื่องHigh flow เครื่องละหลายแสนบาทที่ธรรมศาสตรได้รับมา กลับไปติดตั้งและเตรียมใช้งานในเช้าวันศุกร์ ณ ที่ตั้งของตัวเอง โดยไม่ต้องรอส่งผู้ป่วยวิกฤติทั้งหมดมาที่ธรรมศาสตร์เช่นที่เคยทำอยู่เดิม โรงพยาบาลเหล่านี้ได้แก่
-รพจ ปทุมธานี10เครื่อง
-รพ มงกุฎวัฒนะ5เตรื่อง
-รพ บางปะกอก3เครื่อง
-รพ ภัทร 3เครื่อง
เช้าวันศุกร์นี้เราจะมีโรงพยาบาลที่มีเตียงวิกฤติพร้อมเครื่องช่วยหายใจที่’ยืม’ไปจากธรรมศาสตร์โดยไม่ต้องทำกระบวนการทางพัสดุใดๆอีก 21เตียง จะมีผู้ป่วยอาการหนักที่จะมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้นได้อีก 21ชีวิต เราจะเอาการรักษาชีวิตผู้คนมาก่อนกฎกติกาว่าด้วยการพัสดุของภาครัฐ และสำหรับอีก9เครื่องที่เหลือ เราจะใช้ในการเพิ่มศักยภาพของ รพ.สนามธรรมศาสตร์ ในลำดับต่อไป
ช่วยกันภาวนา เอาใจช่วยให้รพ.เครือข่ายทั้งสี่แห่ง จัดการ เตรียมคน และได้เริ่มกระบวนการช่วยเหลือชีวิตพี่น้องของเราให้ได้เร็วที่สุดตามที่พวกเราวางแผนกันไว้
ในส่วนโรงพยาบาลสนาม เราคิดว่า ถึงวันนี้ #เราเอาอยู่#จริงๆแล้วล่ะเพราะวันนี้มีผู้ป่วยรับreferมาใหม่จาก10 รพ.เข้า รพ.สนามธรรมศาสตร์รวม32ราย และมีผู้ป่วยที่หายจากโรคได้กลับบ้าน 34คน ตัวเลขรวมผู้ป่วยยังคงอยู่กับเราที่330เตียงเหมือนเดิม เราคิดว่า รพ.สนามของเราจะยันสถานการณ์ไปได้อีกหลายสัปดาห์ แม้ว่าวันนี้จะมีข่าวว่ามีคลัสเตอร์ใหม่จำนวนเป็นร้อยที่ปทุมธานีก็ตาม
ส่งใจมาช่วยพวกเราและติดตามตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในวันพรุ่งนี้ว่าจะค่อยๆลดลงทั้งตัวเลขรวม และตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในกทม อย่างที่เป็นมาสองวันแล้วตามที่พวกเราเชื่อไหม แต่ที่นี่ ที่ธรรมศาสตร์ พวกเรามีความหวังมากขึ้น และเชื่อว่าพวกเรา บ้านเรา และประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้แน่ ดังนั้น จะหนักแต่ไหน พวกเราก็จะทน และจะทำ