รีเซต

บทเรียนจากโลกสู่ไทย รับมือซากอาคารถล่ม

บทเรียนจากโลกสู่ไทย รับมือซากอาคารถล่ม
TNN ช่อง16
8 เมษายน 2568 ( 09:30 )
25

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสเกี่ยวกับ การกำจัดซากอาคารที่ถล่มลงมาของสตง.กับผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต่างประเทศเขากันทำอย่างไร?

 

ในยุคที่การพัฒนาเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว การจัดการอาคารเก่าหรืออาคารที่ถล่มลงมา กลายเป็นประเด็นที่ท้าทายทั้งในด้านความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ล่าสุด เหตุการณ์อาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงมาได้สร้างคำถามสำคัญว่า การรื้อถอนและจัดการซากเศษวัสดุที่เหลืออยู่นั้น ควรดำเนินการอย่างไรจึงจะปลอดภัยและยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

 

หนึ่งในปัญหาหลักที่อาจเกิดขึ้นจากการรื้อถอนซากอาคารคือ การแพร่กระจายของฝุ่นละออง ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เช่น TSP, PM10 และ PM2.5 ซึ่งมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ โดยเฉพาะเมื่อวัสดุก่อสร้างเก่ามีส่วนผสมของ แร่ใยหิน (Asbestos) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่อันตรายมาก องค์การอนามัยโลกและสถาบันวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติได้ยืนยันว่า แร่ใยหินทุกชนิดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ และหากสูดดมหรือสัมผัสเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเยื่อหุ้มปอด และโรคปอดอักเสบจากใยหิน

นอกจากแร่ใยหินแล้ว ซากอาคารยังอาจปล่อย ฝุ่นโลหะหนัก จากเศษเหล็กที่แตกหัก ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน และหากมีการฉีดน้ำเพื่อควบคุมฝุ่น หรือเกิดฝนตก น้ำที่ชะล้างซากวัสดุอาจกลายเป็นแหล่งน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษ หากปล่อยลงแหล่งน้ำโดยไม่มีการบำบัด ย่อมก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง


ดังนั้น การจัดการซากอาคารควรดำเนินไปอย่างเป็นระบบ โดยต้องเริ่มจาก การควบคุมพื้นที่รื้อถอน ด้วยการกั้นเขตให้ชัดเจน ป้องกันฝุ่นด้วยผ้าใบหรือสแลน และฉีดละอองน้ำอย่างสม่ำเสมอ ห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้บริเวณโดยเด็ดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะต้องสวมชุดป้องกันเต็มรูปแบบ (PPE) ทั้งหน้ากากกรองแร่ใยหิน ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง

การตรวจวัดคุณภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในพื้นที่ปฏิบัติงานและบริเวณโดยรอบ ควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน และพนักงานต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำสัปดาห์ นอกจากนี้ ต้องมีการคัดแยกเศษวัสดุออกเป็นประเภทต่าง ๆ เช่น เหล็ก ปูน หิน โดยนำสิ่งที่สามารถรีไซเคิลได้กลับมาใช้ใหม่ และเศษวัสดุที่เหลือควรนำไปฝังกลบในพื้นที่ปลอดภัย เช่น เหมืองเก่าหรือบ่อดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว โดยต้องป้องกันไม่ให้สารพิษซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน


ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น การจัดการซากอาคารเป็นเรื่องที่มีระเบียบเข้มงวด มีการควบคุมสารอันตรายโดยเฉพาะแร่ใยหินอย่างจริงจัง และมีระบบรีไซเคิลวัสดุก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ ประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก ซึ่งประเทศไทยควรศึกษาและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทในท้องถิ่น


กล่าวโดยสรุป การจัดการซากอาคารที่ถล่มลงมานั้นไม่ใช่เพียงการเคลียร์พื้นที่เพื่อก่อสร้างใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว การวางแผนอย่างรอบคอบ ใช้แนวทางจากต่างประเทศผสมผสานกับมาตรฐานของไทยอย่างเหมาะสม จะช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง