ส.ส.เสรีรวมไทย เยี่ยมญาติ สาววาดภาพบิ๊กตู่ ก่อนฆ่าตัว ติงแจก 5 พันไม่ทั่วถึง
กรณี น.ส.ปลายฝน อ่ำสาริกา อายุ 19 ปี ตัดสินใจปลิดชีพตนเอง ด้วยการแขวนคอในห้องพัก ที่ กทม. โดยได้วาดภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเขียนระบายถึงความอัดอั้นตันใจ ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าว
ความคืบหน้าวันที่ 29 เม.ย. ดร.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองเลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค เดินทางนำของฝากเป็นนมกล่องรวม 3-4 แพ็ค สำหรับใช้เลี้ยงเด็ก พร้อมด้วยหน้ากากผ้าติดตราหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง มาช่วยเหลืองานศพ ของ น.ส.ปลายฝน
ดร.นภาพร กล่าวว่า พอได้อ่านข่าวที่เกิดขึ้นแล้วรู้สึกสะเทือนใจจึงได้รีบเดินทางมายังที่วัดแห่งนี้เลยในทันที เพราะคิดว่าหญิงสาวไม่มีหนทางไปแล้วจึงได้คิดทำอย่างนี้ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก สงสารน้องเขามาก รวมทั้งลูกของเขาด้วยที่ยังเล็ก หากไม่มีผู้เป็นมารดาคอยดูแลแล้วจะเป็นอย่างไร
คนที่ตัดสินใจทำแบบนี้ได้จะต้องไตร่ตรองแล้ว จะต้องอัดอั้นไม่มีหนทางแล้วจริงๆ จึงได้เลือกวิธีนี้ หลังจากวันนี้แล้วไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกไม่อยากให้ใครที่สิ้นหนทางแล้วจะต้องมาทำแบบนี้
ส่วนข้อแนะนำต่อรัฐบาลนั้น อยากให้ใช้เงินที่จะทำการกู้มาจำนวนมหาศาล มีการวางแผนการใช้เงินให้เป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ว่าจะกระจายให้ประชาชนด้วยวิธีใดก็ตามขอให้ทั่วถึงที่สุด เนื่องจากโครงการที่รัฐบาลทำเงินเยียวยา 5 พันบาทต่อเดือนนั้น
ขณะนี้ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ ในหลายอาชีพก็ไม่ได้ ในขณะที่ประชาชนเสียภาษีในระหว่างการจับจ่ายที่ผ่านมา ก็ได้มีความรับผิดชอบต่อมาตรการเก็บภาษีของรัฐ
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นกลับเลือกจ่ายแค่เฉพาะบางอาชีพ แต่ความเดือดร้อนเกิดขึ้นต่อทุกอาชีพ ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการล้วนไม่มีรายได้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ยังคงต้องดูแลลูกน้องอีก คนกลุ่มนี้จะดูแลเขาได้อย่างไร ดังนั้นรัฐจึงควรกระจายการดูแลให้ทั่วถึง เช่น ที่สิงคโปร์ เขาจ่ายให้ในทุกครอบครัวเรือนที่มีทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน จึงอยากให้กระจายเงินให้ดีที่สุด ไม่ใช่จะเอาไปอุ้มกองทุนหรือนายทุนจึงคิดว่าไม่ถูกต้อง
ในตอนนี้จึงมองว่า การช่วยเหลือยังไม่เพียงพอ ช่องทางการติดต่อยังไม่เข้าถึง หากมองย้อนไปที่การลงทะเบียนขอเงินช่วยเหลือ 5 พันบาทที่ผ่านมา คนที่จนจริงๆ และไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่จะใช้ลงทะเบียนได้ จะทำอย่างไร ดังนั้นทุกหน่วยงานของรัฐต้องทำงานแบบบูรณาการต้องช่วยกัน ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ขณะเดียวกัน นายพร ผู้เป็นตาของหญิงสาววัย 19 ปี ผู้เสียชีวิต กล่าวระหว่างการถูกซักถามว่า ปกติหลานสาวชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบ ม.3 จากโรงเรียนมัธยมใกล้บ้าน ในตำบลลาดขวาง อ.บ้านโพธิ์ แล้ว ได้ไปเรียนต่อยังที่วิทยาลัยอาชีวะศึกษาฉะเชิงเทรา สาขาช่างออกแบบ แต่เมื่อเรียนผ่านไปได้เพียง 1 ปี มีคนมาทักท้วงว่า เหตุใดจึงไม่เรียนสาขาศิลปะ
เนื่องจากเห็นผลงานการวาดภาพแล้ว ภาพที่วาดออกมาดูดี จึงได้กลับมาบอกกับตนว่า จะขอดร็อปการเรียนไป 1 ปี เพื่อที่จะไปสอบเข้าเรียนสาขาใหม่ โดยจะไปเรียนสาขาด้านศิลปะแทน จนมาเกิดเหตุสลดนี้ขึ้นเสียก่อนที่จะกลับมาเรียนต่อ นายพร กล่าว