รีเซต

"กล้องโทรทรรศน์สุริยะ DKIST" เผยภาพโครงสร้างโคโรนาเล็กที่สุดบนดวงอาทิตย์

"กล้องโทรทรรศน์สุริยะ DKIST"  เผยภาพโครงสร้างโคโรนาเล็กที่สุดบนดวงอาทิตย์
TNN ช่อง16
26 สิงหาคม 2568 ( 22:34 )
14

นักดาราศาสตร์ประสบความสำเร็จในการจับภาพวงโคโรนาขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยสังเกตพบในบรรยากาศชั้นนอกของดวงอาทิตย์ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์สุริยะ Daniel K. Inouye (DKIST) ของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (NSF) บนยอดเขาฮาเลียกาลา เกาะเมาวี รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา 

การค้นพบนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจกลไกที่จ่ายพลังงานให้กับการเกิด เปลวสุริยะ (Solar Flare) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์รุนแรงที่สามารถส่งผลกระทบต่อโลกได้

โดยนักดาราศาสตร์โคล แทมเบอร์รี (Cole Tamburri) จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในวิทยาศาสตร์สุริยะ เพราะในที่สุดเราก็ได้เห็นดวงอาทิตย์ในระดับที่มันทำงานอยู่จริง ๆ”

ภาพเต็มของเกลียวโคโรนาแคบๆ ของ DKIST ภาพนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 เท่าของโลกในแต่ละด้าน(เครดิตภาพ: NSF/NSO/AURA)


เปลวสุริยะและวงโคโรนาขนาดจิ๋ว

สำหรับเปลวสุริยะนั้นเกิดจากการที่เส้นสนามแม่เหล็กในชั้นโคโรนาเกิดการบิดเกลียวแล้วแตกออก ก่อนจะเชื่อมต่อใหม่ ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา นักวิทยาศาสตร์ทราบหลักการนี้มานาน แต่ยังไม่เข้าใจรายละเอียด โดยเฉพาะคำถามสำคัญว่าวงโคโรนาขนาดเล็กสุดมีขนาดเท่าใด ? และมีบทบาทอย่างไรต่อการให้พลังงานแก่เปลวสุริยะ ?

การสังเกตล่าสุดของ DKIST พบเกลียวโคโรนาหลายร้อยเส้นที่มีความกว้างเฉลี่ยเพียง 48.2 กิโลเมตร และบางเส้นเล็กจิ๋วเพียง 21 กิโลเมตร ซึ่งใกล้เคียงขีดจำกัดความละเอียดของกล้องที่คมชัดกว่ากล้องโทรทรรศน์สุริยะรุ่นก่อนถึง 2.5 เท่า

การจับภาพโคโรนาครั้งประวัติศาสตร์

โดยภาพดังกล่าวถูกบันทึกด้วยกล้อง Visible Broadband Imager ของกล้องโทรทรรศน์สุริยะ Daniel K. Inouye (DKIST) ในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ขณะเกิด แฟลร์ระดับ X ซึ่งเป็นแฟลร์ที่ทรงพลังที่สุดของดวงอาทิตย์

โคล แทมเบอร์รี (Cole Tamburri) เปิดเผยว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่กล้องอินูเยจับภาพการลุกจ้าระดับ X ได้” และเสริมเพิ่มเติมว่า “มันเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ทรงพลังที่สุดที่ดาวฤกษ์ของเราสร้างขึ้น และเราโชคดีที่ได้ภาพในสภาวะการสังเกตที่สมบูรณ์แบบ”

แม้ยังไม่แน่ชัดว่าวงโคโรนาขนาดเล็กเหล่านี้มีบทบาทอย่างไร ในกระบวนการเชื่อมต่อแม่เหล็ก แต่เมื่อทราบแล้วว่ามีอยู่จริง นักวิทยาศาสตร์สามารถนำไปปรับใช้กับแบบจำลองการทำงานของดวงอาทิตย์ได้ โดยอาจเป็น องค์ประกอบพื้นฐานของโครงสร้างแม่เหล็ก ที่ก่อให้เกิดเปลวสุริยะ

อนาคตของกล้อง DKIST และความท้าทายด้านงบประมาณ

แม้ว่าภาพเหล่านี้สะท้อนถึงศักยภาพอันทรงพลังของกล้องอินูเย และเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Inouye Solar Telescope Ambassador ที่ได้รับทุนจาก NSF ซึ่งมุ่งสนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ให้มีโอกาสสร้างองค์ความรู้ในสาขาวิทยาศาสตร์สุริยะ

อย่างไรก็ตาม อนาคตของกล้อง DKIST กลับเผชิญความไม่แน่นอน เนื่องจากงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อาจถูกลดจาก 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 990 ล้านบาท เหลือเพียง 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 429 ล้านบาท 

ทางด้านของคริสตอฟ เคลเลอร์ ผู้อำนวยการหอดูดาวสุริยะ NSF เตือนว่า "งบประมาณดังกล่าว ไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน หากขาดงบสนับสนุน กล้องอินูเยอาจต้องหยุดปฏิบัติการ ส่งผลให้ไม่เพียงแค่ภาพข้อมูลล้ำค่าหายไป แต่ยังรวมถึงโอกาสในการฝึกฝนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ซึ่งอาจกระทบวงการวิจัยสุริยะไปอีกหลายปี"

กล้องโทรทรรศน์สุริยะ Daniel K. Inouye(เครดิตภาพ: NSF/NSO/AURA)

ผลงานการสังเกตการณ์นี้ถูกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ในวารสาร The Astrophysical Journal Letters ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถเข้าใกล้ความเข้าใจการทำงานลึกที่สุดของดวงอาทิตย์ได้มากกว่าที่เคย

การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำพลังของเทคโนโลยีการสังเกตการณ์ที่ทันสมัย หากยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการลงทุนระยะยาวในงานวิจัยพื้นฐานที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับดวงอาทิตย์และผลกระทบต่อโลกของเรา ในขณะที่อนาคตของกล้อง DKIST ยังไม่แน่นอนด้านงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง