รีเซต

เปิดใจ! หัวอกแม่ ในวันที่ 'ลุงพล' โดนออกหมายจับ กลายเป็นผู้ต้องหา คดีฆ่าน้องชมพู่

เปิดใจ! หัวอกแม่ ในวันที่ 'ลุงพล' โดนออกหมายจับ กลายเป็นผู้ต้องหา คดีฆ่าน้องชมพู่
มติชน
2 มิถุนายน 2564 ( 12:22 )
287
เปิดใจ! หัวอกแม่ ในวันที่ 'ลุงพล' โดนออกหมายจับ กลายเป็นผู้ต้องหา คดีฆ่าน้องชมพู่

 

คดีฆ่าน้องชมพู่ อีกหนึ่งคดีประวัติศาตร์ จากกรณีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พ.ค.63 เป็นเวลากว่า 1 ปี จนกระทั่งนำไปสู่การออกหมายจับนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1. พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3.กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64

 

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. นางสาวิตรี แม่ของน้องชมพู่กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยสงสัยลุงพล เนื่องจากสิ่งที่ลุงพลเคยพูดกับสื่อมวลชนกับความเป็นจริงขัดแย้งกันอย่างเช่นกรณีวันที่ 11 พค 63 ที่ลุงพล ระบุว่า มาเติมลมรถจักรยานที่บ้านและเห็นน้องชมพู่ร้องไห้ตาม หากลุงพลนำตัวน้องไปด้วยก็คงไม่เสียชีวิต แต่ความเป็นจริงแสดงให้เห็นว่าลุงพลมาที่บ้านก่อนที่น้องจะหายตัวไป

 

 

ที่จริงแล้วลุงพลควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่มากกว่าคนอื่นอื่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ในเมื่อเป็นคนรู้จักเป็นญาติควรจะมีความเมตตา แม่เชื่อว่า วันที่ 11 น้องชมพู่ยังไม่เสียชีวิต น้องต้องร้องไห้ต้องทำทุกวิถีทางอ้อนวอนทุกวิถีทางเพื่อจะมาหาพ่อแม่แต่ทำไมคนเป็นญาติไม่มีความเมตตาเลย

 

 

ควรมีความเมตตาและมีจิตสำนึก แต่ลุงพลไม่มีจิตสำนึกไม่มีความเมตตาเลยหรือไง ซึ่งลุงพลตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว เขาคือคนที่เคยพูดถึงตั้งแต่แรกว่าลุงพลเป็นคนทำน้อง แต่ช่วงนั้นแม่พยายามอธิบายอะไรกับสังคมแต่คนก็ไม่เชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่ลุงพลกลายเป็นผู้ต้องหา ต้องชดใช้กรรมที่เกิดขึ้น ส่วนน้องชมพู่ น้องได้รับความยุติธรรมแล้วและพ่อกับแม่ก็ได้พ้นมลทินและทำให้สังคมรับรู้ได้แล้วว่า เราไม่ได้ทำร้ายลูก เราไม่ได้ฆ่าลูก เพราะน้องชมพู่ คือลูกที่รอคอยให้เกิดกับเราจึงอยากให้สังคมมองครอบครัวเราใหม่ด้วย

 

 

หลังจากนี้ ตนและครอบครัวของลุงพลคงมองหน้ากันไม่ได้อีกต่อไป เพราะเขาไม่มีค่าอะไร ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ครอบครัวเรามีความหวังมาทุกวันหวังเสมอและเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจทีมนี้และต้องขอบคุณตำรวจขอบคุณท่าน ผบ.ตร. ที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลเรื่องนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสที่เราได้บอกกับสังคมในวันนี้และได้นำทีมสืบมือดีมาช่วยติดตามจนสามารถออกหมายจับจับกุมคนร้ายได้และเราได้รับความยุติธรรม

 

 

ส่วนเรื่องการต่อสู้ทางคดีนั้นเชื่อว่าหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่รวมทั้งหลักฐานต่างๆที่ตำรวจรวบรวมในคดีนี้มีความชัดเจนและแน่นหนาแต่ตนก็ยังมีความกังวลในการต่อสู้คดีของลุงพล เพราะมีทนายความที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของสังคมก็มีความกังวลใจบ้าง แต่แม่ก็เชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาได้

 

 

ถ้าวันนี้น้องชมพู่ดูอยู่ แม่อยากฝากบอกน้องว่าขอให้น้องขอเป็นเด็กดี ให้น้องอยู่บนสวรรค์เป็นเด็กหญิงที่น่ารัก ขอให้น้องไปสู่สวรรค์ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น วันนี้ลูกได้รับความยุติธรรมแล้ว

 

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง