‘ก.คลัง’ เตรียมออกระเบียบให้ประชุมตามขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง-บริหารพัสดุภาครัฐ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
‘ก.คลัง’ เตรียมออกระเบียบให้ประชุมตามขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง-บริหารพัสดุภาครัฐ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพิ่มความคล่องตัวทำงานช่วงโควิดระบาด
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2560 ซึ่งเมื่อระเบียบมีผลบังคับแล้ว จะทำให้การประชุมของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านการจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุภาครัฐ สามารถดำเนินการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ เกิดความคล่องตัว และเป็นกลไกสำคัญให้การจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายแม้ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องดำเนินการตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
ทั้งนี้ ที่กระทรวงการคลังจะต้องออกระเบียบฉบับดังกล่าวนี้ เนื่องจากปัจจุบันพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563 ไม่ได้ใช้บังคับแก่การประชุมเพื่อดำเนินการตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ซึ่งมีผลให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ไม่อาจนำ พ.ร.ก.ว่าการการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 มาใช้บังคับได้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ประเด็นปัญหานี้ ที่ประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลก็มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่บ้าน หรือเวิร์คฟอร์มโฮม ซึ่งทำให้การประชุมดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอาจเกิดความไม่คล่องตัว เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจึงควรมีการแก้เพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ให้สามารถดำเนินการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้
“ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (ฉบับที่2) พ.ศ.2560 ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม. ไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนี้กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินตามขั้นตอน ซึ่งเมื่อระเบียบนี้มีผลบังคับจะสนับสนุนให้การจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐคล่องขึ้น เป็นไปตามเป้าหมาย และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว