"อาลีบาบา คลาวด์" ประกาศเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของประเทศไทย
อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลขององค์กรธุรกิจในประเทศ ซึ่งจะสอดรับไปกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ของรัฐบาล ที่จะเสริมสร้างความมั่นคง มั่งคั่งและความยั่งยืนให้กับประเทศ กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการตามข้อกำหนดของกฎหมายในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
อย่างไรก็ตาม ดาต้าเซ็นเตอร์ของอาลีบาบา คลาวด์ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO27001 และ ISO20000 และเป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย รวมถึงกฎระเบียบด้านการเงินที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมด
ดาต้าเซ็นเตอร์ของ "อาลีบาบา คลาวด์" ในประเทศไทยนี้ดีอย่างไร ?
- เป็นการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของอาลีบาบา คลาวด์ มานำเสนอในประเทศไทย รวมถึงองค์ความรู้เฉพาะทางด้านต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรม การเสริมสร้างขีดความสามารถ และโอกาสทางการตลาดร่วมกัน เพื่อขยายการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ให้กับฐานลูกค้า ให้สามารถเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น
- เป็นการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ครบครันเพื่อช่วยผลักดันวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน
- บริการด้านการรักษาความปลอดภัยสุดพิเศษจากอาลีบาบา คลาวด์ ได้แก่ บริการป้องกันการโจมตีแบบ DDoS, WAF, ศูนย์ความปลอดภัย, การตรวจสอบการดำเนินการ, บริการใบรับรอง SSL และการจัดการการเข้าถึงทรัพยากร โดยบริการบางประเภทที่ระบุเบื้องต้นทั้งหมด มีที่ได้ใช้งานจริงตอนจัดมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบามาแล้ว
- บริการด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดนี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวแพลตฟอร์ม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการป้องกันเชิงรุก การตรวจจับภัยคุกคาม การตรวจสอบและการตอบสนอง เช่น การปกป้องซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ให้รอดพ้นจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware), มัลแวร์สำหรับการขุดเหรียญและแบ็คดอร์ (Mining and Backdoor) และโทรจัน (Trojan)
- ในแง่ของสถาปัตยกรรม ศูนย์อาลีบาบา คลาวด์ สามารถทำการตรวจสอบประเมินให้กับองค์กรธุรกิจ เพื่อปกป้องเซิร์ฟเวอร์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ให้เป็นไปตามข้อกำหนดและกฎระเบียบของประเทศไทยได้
- ผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่สำคัญอื่น ๆ ที่จะได้เปิดตัวพร้อมกับดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยนี้ด้วย ได้แก่ ระบบประมวลผลที่ยืดหยุ่น (elastic compute) บริการด้านดาต้าเบส ด้านเน็ตเวิร์ก และ สตอเรจ รวมถึงบริการสำหรับนักพัฒนา การส่งคอนเทนต์ และแอปพลิเคชันระดับองค์กรต่าง ๆ
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้เทคโนโลยีในประเทศและนำความสามารถทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาในประเทศไทยผ่านการสนับสนุนของพันธมิตร นับตั้งแต่เปิดตัวโปรแกรม Thailand Partner Alliance 100 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว อาลีบาบาคลาวด์ มีพันธมิตรมากกว่า 40 รายเข้าร่วมโครงการเพื่อทำธุรกิจและเติบโตไปด้วยกันกับอาลีบาบาคลาวด์
ผลิตภัณฑ์ของอาลีบาบาคลาวด์ทั้งหมดได้ผ่านการทดสอบความสามารถของสมรรถนะ โดยบริษัทวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลก เช่น ไอดีซี ระบุว่าผลิตภัณฑ์ CDN ของบริษัทฯ เป็นผู้เล่นรายสำคัญ ขณะที่เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ได้รับการจัดอันดับเป็น “ผู้นำ” โดยฟอเรสเตอร์ ส่วนผลิตภัณฑ์ด้านดาต้าเบสของอาลีบาบาคลาวด์ได้รับการจัดอันดับเป็น “ผู้นำ” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant และการ์ทเนอร์ ยังรับรองความสามารถด้านคลาวด์ที่สำคัญของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของระบบประมวลผล สตอเรจ เน็ตเวิร์ก และระบบรักษาความปลอดภัย ว่าอยู่ในระดับเทียบเท่าผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก
เพื่อรองรับการพัฒนาที่ยั่งยืน อาลีบาบา คลาวด์ ตั้งเป้าที่จะปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดภายในปี 2573 และยังได้เข้าร่วมกับกลุ่มความร่วมมือ Low Carbon Patent Pledge เพื่อกระตุ้นการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้สำเร็จ