รีเซต

ไทยรีประกันชีวิต โชว์ผลงาน 6 เดือน กำไรพุ่ง 87%

ไทยรีประกันชีวิต โชว์ผลงาน 6 เดือน กำไรพุ่ง 87%
มติชน
11 สิงหาคม 2564 ( 12:50 )
42
ไทยรีประกันชีวิต โชว์ผลงาน 6 เดือน กำไรพุ่ง 87%

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตกว่า 16% แตะ 1,450 ล้านบาท ตามการเติบโตของประกันสุขภาพ จากกระแสการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของผู้บริโภค ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งงานประกันชีวิตแบบร่วมพัฒนา เพิ่มขึ้น 21% จากการขยายการรับงานสัญญาประกันสุขภาพ และจากสัญญาใหม่ของสัญญาประกันชีวิตแบบกลุ่มและอุบัติเหตุ ส่วนงานประกันชีวิตแบบดั้งเดิม (Conventional) เพิ่มขึ้น 12% จากสัญญาใหม่งานประกันสุขภาพ ขณะที่รายได้จากการลงทุนอยู่ที่ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 76% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหุ้น

 

 

สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 9% อยู่ที่ 1,206 ล้านบาท สาเหตุจากการเติบโตของเบี้ย จึงตั้งสำรองค่าสินไหมทดแทน (เคลม) ของสัญญาใหม่ในส่วนของงาน Non-Conventional ส่วนค่าใช้จ่ายงาน Conventional ปรับลดลงจากปีก่อน 33 ล้านบาท ผลจากการยกเลิกสัญญาประกันสุขภาพที่ไม่มีกำไรในช่วงก่อนหน้า ภายใต้นโยบายการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน เพื่อควบคุมค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ Combined Ratio (COR) เหลือ 96.7% ปรับลดลงต่อเนื่องจาก 98% ในช่วงเดียวกันปีก่อน

 

 

 

นายสุทธิ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) ยังยากต่อการประเมินผลกระทบที่มีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตได้อย่างชัดเจน ดังนั้น บริษัทฯจึงยังคงเฝ้าติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงในการรับงานแบบเข้มข้นมากขึ้น โดยช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เตรียมผนึกความร่วมมือพันธมิตรร่วมพัฒนาโปรดักส์ รวมถึงโซลูชั่น และโมเดลใหม่ๆ รองรับวิถีชีวิตยุค New-Normal ภายใต้แผน New S-Curve

 

 

“แม้ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เชื่อมั่นว่า “ประกัน” ยังมีความจำเป็นอย่างมากต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค เพราะถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต” นายสุทธิ กล่าว

 

 

ทั้งนี้ล่าสุด บริษัทฯ ยังคงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ในระดับเดิมที่ A- หรือระดับแข็งแกร่งจากสถาบันจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล A.M. Best ซึ่งสะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ตอกย้ำขีดความสามารถในการขยายงานทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการเติบโตในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง