KJL ใส่เกียร์อัพกำลังผลิต ผุดโปรดักต์อีวี-โรงไฟฟ้า

#KJL #ทันหุ้น – KJL ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังปีนี้ดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน 15% เล็งอัพกำลังผลิตสิ้นปีเป็น 33 ล้านชิ้น จากปัจจุบันที่ 30 ล้านชิ้นต่อปี เล็งออกสินค้าใหม่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า และโรงไฟฟ้า มองเทรนด์เติบโตสูง มั่นใจทั้งปีผลงานเข้าเป้าเพิ่มขึ้น 10-15%
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทจะเดินหน้าขยายกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแผนที่เพิ่มกำลังผลิตมาจากปีก่อนที่ 20 ล้านชิ้นต่อปี มาจนถึงปัจจุยันที่ 30 ล้านชิ้นต่อปี ส่วนในสิ้นปี 2567 คาดจะมีกำลังการผลิตขึ้นเป็น 33 ล้านชิ้นต่อปี โดยจะทยอยเพิ่มกำลังผลิตจากปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี
** ครึ่งปีหลังสดใส
ขณะที่ภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก 2567 คาดจะเติบโตจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 15% ส่วนครึ่งปีหลัง 2567 คาดจะเติบโตที่ 15% เช่นเดียวกัน สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในครึ่งปีหลัง 2567 คือการขายสินค้าตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟทุกชนิด และชิ้นส่วนงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ รวมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ “Authorized General Distributor (Tier 1)” ในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ของ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” (Schneider Electric) ผู้นำอุปกรณ์ และงานระบบไฟฟ้า และพลังงานสะอาดระดับโลก ซึ่งสินค้าที่บริษัทเริ่มจำหน่ายมีกระแสตอบรับค่อนข้างดี คาดจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ต่อเนื่อง
ส่วนแผนการออกสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 จะเป็นสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และโรงไฟฟ้า ซึ่งอุตสาหกรรมไฟฟ้ายังมีเทรนด์การเติบโตสูง ส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกันไป สำหรับสินค้าใหม่ส่วนหนึ่งจะมาจากการร่วมมือกับ“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค”
ขณะที่งบประมาณภาครัฐ คาดจะมีผลต่อคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีปริมาณเพิ่มขึ้น เพราะงบรัฐจะเร่งเบิกจ่ายไตรมาส 3-4 รวมถึงบรัฐวิสาหกิจคาดจะมีการใช้จ่ายในครึ่งปีหลัง 2567 นี้เช่นเดียวกัน บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโต 10-15% เพราะออเดอร์มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
** ดันมาร์จิ้นเพิ่ม
ขณะเดียวกันคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะอยู่ที่ระดับ 28-32% จากการควบคุมต้นทุนผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น หากราคาวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทมีโอกาสที่จะขยับราคาเพื่อให้สอดคล้องต้นทุนผลิต
บริษัทมีแผนที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับธุรกิจอย่างมั่นคง ด้วยกลยุทธ์ Synergy Growth ขยายโอกาสในการพัฒนาสินค้าร่วมกันกับพันธมิตร หรือแบรนด์สินค้าในระดับสากล เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตไม่ว่าจะเป็น AI, Big Data, Clean Energy และ EV เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อยกระดับการเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย การผลิต และการขนส่งสินค้า การเพิ่มเครือข่ายร้านค้า และตัวแทนจำหน่ายให้มากกว่า 1,000 รายจากในปัจจุบันที่อยู่ที่ 800 ราย การขยายเครือข่ายช่างไฟฟ้า ผู้รับเหมา และวิศวกรทั่วประเทศเป็นมากกว่า 10,000 รายจากในปัจจุบันที่ 5,000 ราย
** รายได้เพิ่ม 18.72%
สำหรับไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม 284.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.87 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 18.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 239.63 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 9.97 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 3.63% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 274.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.85% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 33.65 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 3.93 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.82% จากไตรมาสก่อนหน้าที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 30.69 ล้านบาท