รีเซต

โบรกฯ มองปัจจัยลบภายนอก-ในประเทศกดดัน SET แกว่งกรอบ 1,200-1,215 จุด

โบรกฯ มองปัจจัยลบภายนอก-ในประเทศกดดัน SET แกว่งกรอบ 1,200-1,215 จุด
ทันหุ้น
28 ตุลาคม 2563 ( 09:19 )
57

ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index  ปิดที่ระดับ 1208.95 จุด (+0.98 จุด) เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเข้ามา หลังดัชนีสามารถยืนระดับแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1200 จุด และเกิดสัญญาณ Bullish divergence กับ Stochastic ในภาพราย 240 นาที

 

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น  ทยอยลดพอร์ตการลงทุน จนกว่าดัชนีจะกลับมายืน 1227 จุด

ไม่มีหุ้น  สามารถเข้าเก็งกำไร ที่บริเวณแนวรับสำคัญ 1200 จุด

 

ประเมินแนวรับ 1200/1190 แนวต้าน 1222/1227

 

**บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ แต่อาจมีความผันผวนบ้างตามข่าวในระหว่างวัน นักลงทุนรอคอยหลายตัวแปรสำคัญ อาทิ เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ  งบเยียวยเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการชุมนุมในประเทศไทย ขณะที่การติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มในหลายประเทศ กดดันตลาดมาตั้งแต่วานนี้แล้ว กลยุทธ์ แนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ เน้นหุ้นกลาง-เล็ก

 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดโลกชะลอการลงทุน ท่ามกลางข่าวเชิงลบ ไม่ว่าสหรัฐฯ-ฝรั่งเศส-เยอรมัน ติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มขึ้นมาอีก เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยว งบเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐฯเองก็ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯอีกด้วย ตัวชี้วัดที่สำคัญคือ ราคาพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น (Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ล่าสุด 0.77%) และเงินดอลล่าร์ที่ยังแข็งค่าต่อ เช้านี้ 93.14 จุด บ่งชี้ว่านักลงทุนเพิ่มการถือสินทรัพยืที่เป็น safe haven มากกขึ้น(ลบต่อตลาดหุ้น) 

 

การชุมนุมในประเทศ มีความสัมพันธ์กับดัชนีฯอยู่พอควร คือตลาดจะมีความกังวลถ้ามีการชุมนุม ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์วันต่อวัน   นอกจากนี้ เป็นช่วงของการรายงานกำไรของตลาดหุ้นทั่วโลก เรามองว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นแต่ละแห่ง อาจมีความแตกต่างกันได้จากกำไรของแต่ละตลาดที่ขึ้น-ลงไม่ท่ากัน สำหรับกำไร 3Q ของ SET เราประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 1.2 แสนลบ.+6% QoQ แต่เฉพาะของไทย นักลงทุนมองข้ามไปถึง 4Q กันแล้ว ว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวหรือไม่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร

 

Event ของวันนี้ ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย คาด -5.5% YoY มีผลต่อหุ้นกลุ่มยานยนต์-อีเล็คทรอนิคส์-นิคมฯ  และการรายงานกำไรของ SCGP, SCC (คาด 9.5 พันลบ. +54% YoY ; Bloomberg Survey)

 

#Strategy

ด้วยปัจจัยต่างประเทศยังไม่เอื้อต่อการลงทุน เพราะส่วนใหญ่รอดูความชัดเจน และของไทยมีเรื่องการชุมนุมเป็นตัวถ่วงตลาด เราแนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ เน้นหุ้นกลาง-เล็ก  .... พอร์ตหุ้นวันนี้ เราขาย AH  แต่เพิ่ม TACC , SAT เข้ามาใหม่  พอร์ตหลักจะมีหุ้น TACC(10%), SAT(10%), BANPU*(10%), CKP(10%), UTP (10%), TVO(10%), DCC*(10%) …..  ส่วนพอร์ต KTBST SET50 Skynet คงหุ้นเดิมไว้ BDMS(10%), RATCH (20%), BBL(20%), GULF(10%)

 

#Strategy top picks

SAT : (เป้าเชิงกลยุทธ์ 15.70 บาท)  “ ยอดผลิตรถยนต์ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด”

- ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.20 ที่ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดเป็น 1.5 แสนคัน (-11% YoY, +28% MoM) กลับมาใกล้เคียงกับเดือน ก.พ.20 ก่อนที่จะมีการ lockdown ทำห้ KTBST ปรับคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์ปี 2020E/21E เพิ่มขึ้นเป็น 1.37 ล้านคัน และ 1.6 ล้านคัน ตามลำดับ

- กำไรสุทธิ 3Q20E คาดว่าจะอยู่ที่ 110 ล้านบาท -51% YoY จากฐานสูงในปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นมากจาก 2Q20 ที่ขาดทุนสุทธิ 143 ล้านบาท จากยอดผลิตรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น +134% QoQ

 

Technical : JMART, SINGER

 

**บล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่องแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,200-1,215 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนข้างเป็นลบ โดยตลาดกลับมาให้น้ำหนักและกังวลต่อการระบาดระลอกที่ 3 ของ COVID-19 ตามที่เราประเมิน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจช้ากว่าที่ประเมินเนื่องจากหลายประเทศมีมาตรการคุมเข้มอีกครั้ง ระยะสั้นจึงเห็นเม็ดเงินไหลออกจากหุ้นเข้าตลาดพัธบัตร รวมถึงไหลเข้าเอเชียมากขึ้นจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดูดีกว่า 

 

อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศยังคงจำกัด Upside ของ SET Index ในระยะนี้จากความไม่แน่นอนทางการเมือง เราจึงยังเน้นกลยุทธ์เลือกการลงทุนในกลุ่ม Defensive Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการจำเป็น เช่น อาหารเครื่องดื่ม สื่อสารฯ อสังหาฯ โรงพยาบาล โรงเรียน โดยเฉพาะหุ้นที่คาดมีกำไร 3Q20 แข็งแกร่ง

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Defensive และคาดกำไร 3Q20 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณแนวรับ 1,180-1,200 จุด

 

หุ้นเด่นเดือนต.ค. :ADVANC, GULF, ORI, SAPPE, SYNEX

 

หุ้นเด่นวันนี้:ZIGA

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท 

• คาดกำไร 3Q20 โตโดดเด่น +33% Q-Q, +1,488% Y-Y จากทั้งรายได้และ Margin ที่กลับมาเติบโตหลังโรงงานใหม่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และผลของการขยายช่องทางจัดจำหน่ายใหม่

• แนวโน้ม 4Q20 อาจชะลอ Q-Q เพราะจำนวนวันทำงานน้อย แต่คาดทั้งปี 2020 ยัง Turnaround มาเติบโต +205 Y-Y และโดตต่ออีก +24% Y-Y ปี 2021 ราคาหุ้นเทรด 2021PER เพียง 8 เท่า และให้ Dividend Yield 6.4%

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง