ชะอำพร้อมรับต่างชาติเที่ยว คาด พ.ย.-ธ.ค. 64 ดึงนทท.หลักพันคน ปั้นรายได้ 20 ล้านบาทต่อเดือน
นายกรัณย์ สุทธารมณ์ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ความพร้อมของพื้นที่ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ จำนวน 29,000 คน จากข้อมูล ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2564 มีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 ไปแล้ว 72.27% และเข็ม 2 จำนวน 49.37% ซึ่งคาดการณ์ว่า จะสามารถฉีดครบเข็ม 2 เกินกว่า 70% ได้ภายในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ซึ่งการฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่อย่างน้อย 70% เป็นเงื่อนไขสำคัญในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงยืนยันว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 สามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน โดยกำหนด 4 รูปแบบในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ 1.การพักและท่องเที่ยวอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชะอำ (Cha am Zone) 2.การพักในโรงแรมและมีโปรแกรมเล่นกอล์ฟ ในเส้นทางท่องเที่ยวพิเศษที่กำหนด (ซีลรูท) 3. การพำนักอยู่ในที่พัก หรือสนามกอล์ฟเพียงอย่างเดียว (ซีเล็กรูท) และ 4.การท่องเที่ยวในเส้นทางเชื่อมโยงพื้นที่เปิดเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่หัวหิน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องพำนักในชะอำอย่างน้อย 7 วัน โดยในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ คณะทำงานมีกำหนดการประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อซักซ้อมมาตรการและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนต่อไป
“คาดหวังว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวน 1,000 คนต่อเดือน ในระยะเริ่มต้นนี้ สร้างรายได้ประมาณ 15 – 20 ล้านบาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับการสื่อสารและการทำการตลาดด้วย ซึ่งหากเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวน 54,000-55,000 คนต่อเดือน และทั้งปี 2562 จังหวัดเพชรบุรี มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีประมาณ 550,000 คน สร้างรายได้กว่า 4,700 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 8,500 บาท ส่วนในระยะถัดไป คาดว่าต้องใช้เวลาในการทำการตลาดถึงช่วงกลางปี 2565 เพื่อฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ” นายกรัณย์ กล่าว
นายกรัณย์ กล่าวว่า สัดส่วนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ชะอำ แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 90% ตลาดต่างชาติ 10% แต่เนื่องจากชะอำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกันระหว่างชะอำและหัวหิน จึงดำเนินการเปิดรับต่างชาติพร้อมกัน โดยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะส่งผลกระทบต่อตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ที่เป็นตลาดหลักหรือไม่นั้น เนื่องจากเราเชื่อมั่นในกระบวนการคัดกรองตั้งแต่ต้น และการตรวจหาเชื้อในครั้งแรกที่เข้ามา รวมถึงวันที่ 6-7 ด้วย ซึ่งตรงนี้มีการจัดเตรียมรถตรวจหาเชื้อเคลื่อนที่ เพื่อเข้าไปให้บริการตรวจหาเชื้อนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายในโรงแรมทันที เพื่อสร้างความมั่นใจ และป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนในพื้นที่ชะอำ นอกจากนี้ ได้กำหนดแผนเผชิญเหตุ ที่ยึดหลักของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยปัจจุบันพื้นที่ชะอำ มีผู้ติดเชื้อโควิด ประมาณ 5-10 คนต่อวัน ซึ่งจังหวัดเพชรบุรี มีโรงพยาบาล 8 แห่ง มีห้องฉุกเฉิน จำนวน 16 เตียง จึงอยู่ในระดับที่โรงพยาบาลสามารถรองรับได้
นายกรัณย์ กล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมของผู้ประกอบการนั้น พื้นที่ชะอำมีโรงแรม รวมกว่า 159 แห่ง คิดเป็นห้องพัก จำนวน 5,000 ห้อง แต่มีโรงแรมที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ จำนวน 24 แห่ง ซึ่งผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการปลอดภัย การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) และการฉีดวัคซีนแก่พนักงาน และได้รับมาตรฐานเครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (เอสเอชเอพลัส) แล้ว 10 แห่ง ส่วน 14 แห่ง คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เท่ากับจะมีจำนวนห้องพักที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้รวมกว่า 2,594 ห้อง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กว่า 5 พันคน ส่วนผู้ประกอบการโรงแรมที่เหลือนั้น ขณะนี้มีการเตรียมตัวนำสถานประกอบการเข้ารับเครื่องหมายเอสเอชเออย่างต่อเนื่อง รวมถึงแรงตื่นตัวในการนำโรงแรมเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จำนวนกว่า 80 แห่ง ซึ่งคาดว่าเราเที่ยวด้วยกัน จะสามารถดึงให้อัตราการเข้าพัก (โออาร์) ทั้งจังหวัดเพชรบุรี ฟื้นตัวประมาณ 50-60% ได้ จากเดิมที่อยู่ในระดับต่ำมาก ประมาณ 10-20% เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับมาตรการที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ การอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในโรงแรมได้ การจัดประชุมสัมมนาที่มากกว่า 25 คนขึ้นไป เพราะจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมสัมมนา หรือเที่ยวแบบครอบครัวเข้ามามากขึ้น