ราคาทองพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หุ้นร่วงทั่วโลก เงินดอลลาร์ตก หลังจีนตอบโต้ภาษีสหรัฐฯ 125 เปอร์เซ็นต์

จีนเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% เมื่อวานนี้ (11 เมษายน) ตอบโต้การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯที่ขึ้นภาษีสินค้าของจีนเป็น 145% และเพิ่มความเสี่ยงในสงครามการค้าที่คุกคามห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

การตอบโต้ของจีน ส่งผลให้ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการภาษีของทรัมป์รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ตลาดผันผวน และผู้นำต่างชาติเกิดความสับสนว่าจะตอบสนองต่อความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับระเบียบการค้าโลกมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษอย่างไร

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดดิ่งลงในวันศุกร์ โดยดาวโจนส์ เปิดตลาดลดลง 100.2 จุด ขณะที่ เอสแอนด์พี ร่วงลง 12.5 จุด 

รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนกรานในวันศุกร์ พร้อมชื่นชมการหารือกับหลายประเทศเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งรัฐบาลกล่าวว่าจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ของตน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การขึ้นภาษีตอบโต้กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันระหว่างสหรัฐฯและจีน จะทำให้การค้าสินค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นไปไม่ได้ โดยมูลค่าการค้าดังกล่าวในปี 2567 อยู่ที่มากกว่า 650,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หุ้นทั่วโลกร่วง, เงินดอลลาร์อ่อนค่า และมีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นในวันศุกร์  ทำให้เกิดความกลัวต่อความเปราะบางในตลาดพันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง ส่วนทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนในช่วงวิกฤต พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 3,200 ออนซ์ต่อดอลลาร์ จากผลของดอลลาร์อ่อน และสงครามการค้าที่กำลังร้อนระอุ ทำให้นักลงทุนกระโจนเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย