หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 11 เมษายน 2568 ดิ่ง 1,014.79 จุด วิตกเทรดวอร์จีน - สหรัฐฯ

ดาวโจนส์ดิ่งแรงกว่า 1,000 จุด นักลงทุนวิตกสงครามการค้า
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดในวันเดียว สะท้อนความวิตกของนักลงทุนทั่วโลกต่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และจีน
• ดาวโจนส์ ปิดที่ 39,593.66 จุด ลดลง 1,014.79 จุด (-2.50%)
• S&P500 ลดลง 188.85 จุด ปิดที่ 5,268.05 จุด (-3.46%)
• Nasdaq ร่วง 737.66 จุด ปิดที่ 16,387.31 จุด (-4.31%)
จุดเริ่มความตึงเครียด: ภาษีศุลกากรของทรัมป์
แรงสั่นสะเทือนในตลาดหุ้นครั้งนี้เริ่มต้นจากแถลงการณ์ของทำเนียบขาวที่ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเป็น 125% และเมื่อรวมกับมาตรการลงโทษจีนเรื่องการควบคุมยาเฟนทานิลในอัตรา 20% ส่งผลให้ภาษีรวมสูงถึง 145% ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งด้านการค้าครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
แม้สหภาพยุโรป (EU) จะออกมาประกาศชะลอมาตรการตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ ออกไป 90 วัน เพื่อเปิดทางสู่การเจรจา แต่ก็ไม่อาจลดกระแสความหวาดวิตกของตลาดได้
เสียงสะท้อนจากอดีตรัฐมนตรีคลัง
เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่า มาตรการของทรัมป์ในครั้งนี้ "ถือเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตนเองอย่างร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา" โดยระบุว่า ความตื่นตระหนกในตลาดได้ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก แม้ว่าจะมีการชะลอเก็บภาษีเพิ่มเติมออกไปก็ตาม
ดัชนีความกลัวพุ่งแรง
ความผันผวนในตลาดสะท้อนชัดเจนผ่านดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 21.12% ปิดที่ระดับ 40.72 ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงผิดปกติ สะท้อนความวิตกขั้นรุนแรงของนักลงทุน
แรงกดดันด้านเศรษฐกิจ: สัญญาณจาก CPI
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งชะลอตัวจาก 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.5% ขณะที่ดัชนี Core CPI เพิ่มขึ้น 2.8% ต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย
ข้อมูลดังกล่าวอาจเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยได้ในอนาคต แต่แนวโน้มยังไม่แน่นอน โดยมิเชล โบว์แมน หนึ่งในผู้ว่าการเฟด ระบุว่า ผลกระทบจากนโยบายการค้าของรัฐบาลยังยากต่อการประเมิน ขณะที่ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก เตือนว่า เฟดควรชะลอการปรับลดดอกเบี้ย จนกว่านโยบายการค้าจะมีความชัดเจน
หุ้นร่วงทั้งกระดาน ยกเว้นกลุ่มอุปโภคบริโภค
หุ้นในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบเกือบทุกกลุ่ม โดยกลุ่มพลังงานได้รับผลกระทบหนักที่สุด ลดลง 6.4% ตามด้วยกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วง 4.5% ส่วนกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคกลับสามารถยืนบวกได้เล็กน้อยที่ 0.19%
จับตาผลประกอบการธนาคารใหญ่
สายตานักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตารายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ ซึ่งรวมถึง เจพีมอร์แกน, มอร์แกน สแตนลีย์ และเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางของตลาดในระยะสั้น