รีเซต

"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย"ปรับเพิ่ม GDP ไทยปีนี้เป็นร้อยละ 2.0

"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย"ปรับเพิ่ม GDP ไทยปีนี้เป็นร้อยละ 2.0
TNN ช่อง16
18 พฤศจิกายน 2568 ( 12:21 )
12

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2568 ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1.2% YoY ต่ำกว่าคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.6% และหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ -0.6% QoQ ปัจจัยกดดันหลักมาจากการบริโภคและการลงทุนภาครัฐที่หดตัว สอดคล้องกับการเบิกจ่ายที่ชะลอลงท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง นอกจากนี้ ภาคการผลิตหดตัวและสินค้าคงคลังยังติดลบสูง โดยการส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูงไม่ได้ส่งผ่านมายังภาคการผลิตไทย โดยผู้ประกอบการมีการลดปริมาณสินค้าคงคลังแทนการผลิตเพิ่มท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปริมาณการสั่งซื้อในระยะข้างหน้า

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัวดี แม้ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และทองคำ ส่งผลให้ดุลการค้าสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แม้การนำเข้าก็เร่งสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวดีต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์ และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในเครื่องจักรและนิคมอุตสาหกรรม

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เป็น 2.0% จากเดิมที่ 1.8% โดยมอง GDP ไตรมาส 4/2568 จะขยายตัวราว 0.8% YoY แทนที่จะหดตัวเล็กน้อยตามที่ประเมินก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า โครงการคนละครึ่งพลัสและการเติมเงินบัตรสวัสดิการคาดว่าจะหนุนการใช้จ่ายเพิ่มเติม 0.15% ของ GDP ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้งบประมาณปี 2568-2569 ที่มีการจัดสรรอยู่เดิม และได้ถูกประเมินรวมในประมาณการ GDP ไทยก่อนหน้านี้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เนื่องจากโครงการคนละครึ่งพลัสเป็นการร่วมจ่ายระหว่างรัฐบาลและประชาชนส่งผลให้มียอดใช้จ่ายเพิ่มเติมจากประชาชนราว 0.15% ของ GDP 

จำนวนนักท่องเที่ยวคาดว่าจะหดตัวลดลงในไตรมาส 4/2568 และทั้งปี 2568 คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 32.9 ล้านคน จากประมาณการเดิมที่ 32.2 ล้านคน และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 5 หมื่นล้านบาทมาอยู่ที่ 1.52 ล้านล้านบาท ซึ่งช่วยหนุน GDP เพิ่มเติมราว 0.18% โดยแรงหนุนส่วนหนึ่งมาจากงานอีเวนท์ คอนเสิร์ตและกีฬาซีเกมส์ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มหดตัวลดลง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี 

การลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวเล็กน้อยจากการเร่งเบิกจ่ายของรัฐบาล โดยการเบิกจ่ายงบทั่วไปและงบลงทุนในเดือนต.ค. 2568 ขยายตัวถึง 31% และ 23% ตามลำดับ หรือคิดเป็นประมาณ 18.2% ของงบประมาณ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนต.ค. ในช่วงปี 2014-2024 ที่อยู่ที่ 13.9%

การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงที่ราว 2.6% จากการเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก่อนสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีเซมิคอนดักเตอร์และแรงหนุนจากอุตสาหกรรม AI ขณะที่การนำเข้าคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน จากการนำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าบริโภคราคาถูกจากจีนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าโดยรวมเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก

มองในปี 2569 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการ 1.5-1.8% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอของเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนทางการเมือง

การส่งออกไทยคาดว่าจะหดตัวเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาพรวมการค้าโลก การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และฐานสูงจากปีก่อน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐฯ เรื่องภาษีทรัมป์ภายใต้กฎหมาย IEEPA ขณะเดียวกัน การนำเข้าคาดว่าจะชะลอตัวตามการส่งออก แต่ยังคงเห็นการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน รวมถึงสินค้าบางประเภทจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นตามข้อตกลงการค้า ส่งผลให้ดุลการค้าไทยมีแนวโน้มลดลง

การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มอ่อนแรงหลังมาตรการกระตุ้นสิ้นสุด แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า แต่ด้วยวงเงินจำกัด ส่งผลให้มาตรการกระตุ้นระยะต่อไปมีขอบเขตน้อยลง นอกจากนี้ การบริโภคบางส่วนเป็นการดึงความต้องการในอนาคตมาใช้ ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคหลังมาตรการมีแนวโน้มชะลอลง นอกจากนี้ ตลาดแรงงานที่อ่อนแรง ซึ่งสะท้อนจากอัตราว่างงานในระบบประกันสังคมไตรมาส 2/2568 ที่เพิ่มขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี รวมถึงการลดหนี้ (debt deleveraging) ภายใต้หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง จะเป็นแรงกดดันต่อการบริโภคเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า

การท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยภาคการท่องเที่ยวไทยเผชิญความท้าทายมากขึ้นจากทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยที่ลดลง และความกังวลของนักท่องเที่ยวด้านความปลอดภัย

การบริโภคภาครัฐมีแนวโน้มทรงตัว และการลงทุนภาครัฐคาดขยายตัวชะลอลง ตามกรอบงบประมาณปี 2569 ที่ลดลงจากปีก่อนหน้า ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งอาจส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในระยะข้างหน้า

การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่การลงทุนในเครื่องจักรมีแนวโน้มชะลอลงตามการส่งออกหลังจากมีการเร่งตัวในปี 2568 อย่างไรก็ดี เม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรม Data center ยังเป็นแรงหนุนสำคัญ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง