SAMART รุกเปลี่ยนโลก บุกดิจิทัลทรานฟอร์มรัฐ
ทันหุ้น-สู้โควิด-SAMART ยักษ์เทควางโมเดลชัด รุกดิจิทัลทรานฟอร์มรัฐ หลังเห็นช่องช่วยรัฐปรับตัวสู่โลกใหม่ ลุยเสนองาน 5 กระทรวงใหญ่ วางเกมลงทุนให้ เก็บค่าบริการภายหลัง ชี้โครงการยิงโค้ดเลเซอร์เบียร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสรรพสามิตรายได้เข้าปีหน้า เดินหน้าขยายฐาน Cyber securityสู่โรงพยาบาล แย้ม ธ.ค.นี้ เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยมือถือเพียงเดือนละ 30 บาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาครัฐกำลังอยู่ในช่วงของการเร่งเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ เพื่อให้ทันสมัย และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีขึ้น ซึ่งตรงกันแนวทางของบริษัทที่ได้รุกงานด้านดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นให้กับภาคราชการอยู่แล้ว และบริษัทก็กำลังอยู่ในช่วงของการขยายงานได้กว้างขึ้น
โดยบริษัทได้เตรียมเข้าเสนองาน 4-5 กระทรวงใหญ่ ซึ่งลักษณะการเสนอจะเป็นไปในรูปแบบโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ประสิทธิภาพการบริการในโลกยุคใหม่ ซึ่ง SAMART จะเข้าไปนำเสนอเทคโนโลยีที่ภาครัฐได้ประโยชน์ อาจจะเป็นผู้วางระบบให้โดยที่ภาครัฐไม่ต้องลงทุน และคิดค่าบริการ ซึ่งมีทั้งงานการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล BIGDATA ตลอดงานงาน AI ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของบริษัทอยู่แล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังจะเข้าประมูลโครงการอื่นๆอีก รวมถึงโครงการระบบ call center 191 มูลค่าราว 7,000 ล้านบาท แต่ทุกโครงการจะต้องมีกำไร
"SAMART ไม่เน้นการแข่งขันในเรดโอเชียน เราจะเลือกเซกเมนท์ที่มีประโยชน์ทำกำไรได้ ขณะที่ภาครัฐก็ต้องได้ประโยชน์ด้วย" นายวัฒน์ชัย กล่าว
@สรรพสามิตรายได้เข้าปีหน้า
สำหรับความคืบหน้าที่บริษัทได้เซ็นรับงานจากกรมสรรพสามิต ในการพิมพ์โค้ดเลเซอร์ภาษีสรรพสามิต บนกระป๋องและขวดเบียร์ที่ผลิตในประเทศ ด้วยเทคโนโลยีระบบควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ (Direct Coding System) ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่ชนิดเบียร์ที่ผลิตในประเทศ มูลค่า โครงการรวม 8,032 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 7 ปี โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงการติดตั้งเครื่องจักรกับไลน์การผลิตเบียร์แล้ว โดยใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งจะได้ค่าบริการ 0.25 บาทต่อขวด โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 คาดรับรู้รายได้เฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านบาท
@ จ่อเปิดตัวMobile security
นอกจากนี้บริษัทก็จะเน้นงานระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber security) ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งในด้านการให้บริการกับกลุ่มธนาคาร บัตรเครดิต อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังขยายไลน์ไปสู่กลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งมองว่าระบบรักษาความปลอดภัยนับว่ามีความจำเป็นอย่างมากในอนาคต และจะมีเติบโตมากสำหรับองค์กร
ขณะเดียวกับในช่วงเดือนธันวาคมนี้บริษัทจะเปิดตัวระบบรักาาความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้มือถือ (Mobile security) โดยเป็นระบบรักษาความปลอดภัยทั้งแสกนไวรัส แต่ป้องกันการถูกขโมยข้อมูล ในมือถือ ด้วยค่าบริการรายเดือนที่มีราคาย่อมเยาว์ราว 30 บาทต่อเดือน โดยสามารถใช้ได้ทั้งระบบ IOS และ Android
@เข้าโหมดฟื้นตัว
นายวัฒน์ชัย ระบุด้วยว่า ใช้ช่วงไตรมาส 2/2563 นับเป็นช่วงต่ำสุดของบริษัทจากผลกระทบด้านโควิดที่ตั้งตัวไม่ทัน แต่ขระนี้กำลังฟื้นขึ้น และจะมีการเติบโตที่ดีในปีหน้า โดยเฉพาะจะได้รายได้จากงานยิงบาร์โค้ทเบียร์จากกรมสรรพสามิตเข้ามา และในอนาคตสามารถที่จะใช้ระบบเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย รวมไปถึงยังมีงานที่จะเสนอภาคราชการอีกมาก
ด้านแหล่งข่าวนักวิเคราะห์ ประเมินภาพว่า ช่วงไตรมาส 3/2563 SAMARTจะฟื้นตัวจากไตรมาส 2/2563 ที่ขาดทุน 199 ล้านบาท ขณะที่หน้าจะมีรายได้จากสรรพสามิตเข้ามา โดยแนวทางของ SAMART มีกลยุทธ์ชัดเจน ในการด้านการเข้าไปเสนองานภาครัฐ ปรับจากอนาล็อค เป็นดิจิทัล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ลดต้นทุนได้ และรับงานที่มีรายได้ประจำเข้ามา ซึ่งประเมิน IRR จะอยู่ในระดับที่ดี แนะนำเก็งกำไร ซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นได้เบรกแนวต้านมาแล้ว วางแนวต้านถัดไปที่ระดับ 5.70 – 6.50 ส่วนแนวรับ 5.20-5.00 บาท