คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ความหวังใหม่หรือความท้าทายเดิม?

การโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาล หลังเผชิญแรงกดดันเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารและความคาดหวังจากหลายฝ่ายที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้น
การปรับรายชื่อรัฐมนตรีครั้งนี้มีทั้งการขยับตำแหน่งเดิมและการเพิ่มบุคคลหน้าใหม่เข้าสู่ทีม เช่น การแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีมหาดไทย การดึงนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ มานั่งเก้าอี้พาณิชย์ รวมถึงการมอบหมายให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ ขณะเดียวกัน นางสาวแพทองธาร ยังควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วยตนเอง
แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง รายชื่อรัฐมนตรีกลาโหมยังว่างอยู่ และใช้รัฐมนตรีช่วยว่าการทำหน้าที่รักษาการชั่วคราว ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าการจัดทัพครั้งนี้สามารถตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลได้เพียงใด
ความคาดหวังต่อทีมใหม่
การเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านมาพร้อมกับความหวังว่าจะมีการเร่งรัดนโยบายสำคัญ โดยเฉพาะในมิติของเศรษฐกิจที่ประชาชนสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า GDP ไทยในไตรมาส 1 ของปี 2568 ขยายตัว 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม สศช. ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ทั้งปีลงเหลือ 1.8% จากกรอบเดิมที่อยู่ระหว่าง 2.3–3.3% โดยให้เหตุผลว่าการส่งออกยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาด และการบริโภคภาคเอกชนเริ่มชะลอลงท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน แม้รัฐบาลจะพยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แต่ผลลัพธ์เชิงมหภาคยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและภาคเกษตรที่ยังเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุน
ผลสำรวจจากนิด้าโพลเดือนมิถุนายน 2568 ระบุว่า 74.3% ของประชาชนรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงขึ้นจนกระทบต่อการใช้ชีวิต ขณะที่ 62.1% ต้องการให้รัฐบาลจัดการเรื่องราคาพลังงานอย่างเร่งด่วน
จุดที่ยังต้องติดตาม
แม้การปรับคณะรัฐมนตรีจะช่วยรีเฟรชภาพลักษณ์ของรัฐบาลในระดับหนึ่ง แต่ยังมีคำถามว่า รายชื่อใหม่เหล่านี้สามารถตอบโจทย์ด้านนโยบายและการบริหารได้จริงหรือไม่
หลายกระทรวงที่เป็นกลไกหลักของระบบเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงแรงงาน ยังมีภารกิจที่หนักหน่วงในการควบคุมราคาสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพตลาดแรงงาน และฟื้นความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการรายย่อย
ขณะเดียวกัน การขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญผ่านบทบาทรัฐมนตรีวัฒนธรรม ต้องการกลไกสนับสนุนที่ชัดเจน ทั้งในด้านงบประมาณ กฎหมายลิขสิทธิ์ และการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในระดับภูมิภาค
ความไม่แน่นอนในสมการทางการเมือง
แม้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เสถียรภาพทางการเมืองก็ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ
รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยยังต้องพึ่งพาคะแนนเสียงจากพรรคร่วมจำนวนมาก และมีแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกสภา โดยเฉพาะในช่วงที่ฝ่ายค้านเริ่มขยับท่าทีเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
หากปัญหาภายในรัฐบาลไม่ได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ หรือการบริหารนโยบายเร่งด่วนไม่สามารถตอบโจทย์ความรู้สึกของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม เสียงสนับสนุนในสภาก็อาจลดลงเร็วกว่าที่คาด
คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้จึงเป็นทั้ง “โอกาส” และ “ข้อสอบ” ไปพร้อมกัน
รัฐบาลมีโอกาสรีเซตภาพจำของประชาชน และแสดงความจริงจังในการเร่งผลักดันนโยบายที่จับต้องได้ภายในกรอบเวลาที่จำกัด แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากยังไม่สามารถตอบคำถามเรื่องเศรษฐกิจ เสถียรภาพ และโครงสร้างเชิงระบบได้อย่างมีทิศทาง ความหวังที่เริ่มต้นไว้ก็อาจค่อย ๆ ถอยกลับไปสู่คำถามเดิมที่สังคมยังรอคำตอบ
เพราะในท้ายที่สุด ผู้มีอำนาจอาจเปลี่ยนหน้าได้ไม่ยาก แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนต้องใช้ทั้งเวลา และผลงานที่ยืนยันได้ด้วยตัวเลขและประสบการณ์ตรง
ข้อมูลอ้างอิง
สศช. รายงานเศรษฐกิจไตรมาส 1/2568 และคาดการณ์ GDP ปี 2568 https://thaipublica.org/2025/05/thai-nesdc-q1-68-gdp-growth-3-1-annual-outlook-reduced-to-1-8/
นิด้าโพล เดือนมิถุนายน 2568 ว่าด้วยค่าครองชีพและราคาพลังงาน
รายชื่อคณะรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา 1 กรกฎาคม 2568
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
