รีเซต

Twitter ไล่ลบเครื่องหมายยืนยันตัวตนคนดัง แต่บางคนใช้ฟรีต่อได้โดยไม่ต้องขอ

Twitter ไล่ลบเครื่องหมายยืนยันตัวตนคนดัง แต่บางคนใช้ฟรีต่อได้โดยไม่ต้องขอ
TNN ช่อง16
24 เมษายน 2566 ( 10:51 )
72
Twitter ไล่ลบเครื่องหมายยืนยันตัวตนคนดัง แต่บางคนใช้ฟรีต่อได้โดยไม่ต้องขอ

ทวิตเตอร์ (Twitter) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง เริ่มลบเครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือเครื่องหมายยืนยันตัวตนว่าเป็นบัญชีที่มีอยู่จริง ออกจากโปรไฟล์ผู้ใช้งานที่มีชื่อเสียง เช่นบัญชีของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis) ประมุขแห่งพระศาสนจักรคาทอลิกและประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน และบียอนเซ่ (Beyonce) ป๊อบสตาร์ระดับโลก ก่อนที่ภายหลังบางบัญชีจะได้รับเครื่องหมายยืนยันตัวตนสีฟ้ากลับมาเหมือนเดิม



ภาพจากรอยเตอร์

ขณะนี้ ทวิตเตอร์ ภายใต้การนำของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้เปลี่ยนวิธีให้บริการเครื่องหมายถูกสีฟ้า ซึ่งปกติแล้วจะมอบให้ฟรี กับบัญชีของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา นักข่าว นักการเมือง ตลอดจนบัญชีของบริษัทหรือสถานประกอบการต่าง ๆ หลังตรวจสอบผ่านแล้วว่าเป็นบัญชีจริง โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2022 ที่ อีลอน มัสก์ ออกมาประกาศว่าทวิตเตอร์จะเริ่มเรียกเก็บเงินค่าบริการนี้อยู่ที่ 8 เหรียญ หรือประมาณ 270 บาทต่อเดือน และเสนอบริการเครื่องหมายยืนยันตัวตนในสีอื่น ๆ เพื่อแบ่งประเภทของบัญชีที่ต่างกันไป เช่น สีทองสำหรับธุรกิจ และสีเทาสำหรับหน่วยงานราชการ องค์กร และบัญชีทางการของบุคคลต่าง ๆ 



ภาพจากรอยเตอร์

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน นี้ ก็ยังมีบางบัญชี ที่ทางทวิเตอร์ ยัง เปิด ให้ใช้บริการเครื่องหมายยืนยันตัวตนสีฟ้า โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ได้แก่ บัญชีของ เลอบรอน เจมส์ (LeBron James) นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง และบัญชีของ สตีเฟน คิง (Stephen King) นักเขียนนิยายเขย่าขวัญชาวอเมริกัน ที่ตอนนี้ก็ยังคงมีเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินบนโปรไฟล์อยู่ 


ซึ่งในกรณีของสตีเฟน คิง เอง ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า ตัวของเขาได้มีการทวีตข้อความว่า ไม่ได้สมัครบริการนี้ไปแต่อย่างใด แล้วก็มีข้อความทวีตของ มัสก์ ตอบกลับว่า “ด้วยความยินดี” ซึ่งจุดนี้ เป็นจุดสังเกตที่ทำให้เห็นว่า มีบางคนที่ได้รับเครื่องหมายติ๊กถูก โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเป็นกรณีพิเศษ


และนอกจากยกเลิกบริการเครื่องหมายถูกสีฟ้าแบบดั้งเดิมแล้ว ทวิตเตอร์ยังออกมายกเลิกป้ายกำกับ “สนับสนุนโดยรัฐบาล" จากบัญชีขององค์กรต่าง ๆ อีกด้วย




ข้อมูลจาก reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง