รีเซต

เช็กลิสต์ยื่นภาษีปี 2563 ใช้อะไรลดหย่อนได้บ้าง?

เช็กลิสต์ยื่นภาษีปี 2563 ใช้อะไรลดหย่อนได้บ้าง?
TNN ช่อง16
11 ธันวาคม 2563 ( 11:38 )
176
เช็กลิสต์ยื่นภาษีปี 2563 ใช้อะไรลดหย่อนได้บ้าง?

        ใกล้จะสิ้นปีนอกจากการเฝ้ารอที่จะได้มูฟออนไปสู่ปีใหม่ เพราะทั้งปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่หนักและยากลำบากสำหรับใครหลายๆคน  ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบไปทุกกลุ่มรายได้  และเหลือเวลาไม่มากสำหรับใครที่มีรายได้ประจำในการวางแผนภาษี  รวมถึงการใช้สิทธิประโยชน์จากค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ

        แต่อาจจะยังมีความเข้าใจผิดว่า ยิ่งลดหย่อนภาษีไปเท่าไหร่ ก็จะเสียภาษีน้อยลงเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การเสียภาษีขึ้นอยู่กับเงินได้และอัตราภาษีเฉพาะบุคคลด้วย ที่สำคัญปีนี้ยังมีไฮไลท์อยู่ที่มาตรการ"ช้อปดีมีคืน" ให้สามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนได้สูงสุดถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว แต่จะมีอะไรที่นำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้บ้าง  TNN ONLINE นำข้อมูลมาฝากกัน

มีรายได้เท่าไหร่จึงจะต้องเสียภาษี?

        หากคุณเป็นมนุษเงินเดือนทั่วไป รับค่าจ้างเป็นเงินเดือนปกติจะเรียกว่าเงินได้ประเภทที่ 1 หรือ 40(1) จะได้สิทธิหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาไปเลย 50% ของรายได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนค่าจ้างแบบรายชิ้นงาน หรือเป็นก้อนๆจะเรียกว่าเงินได้ประเภท 2 หรือ 40(2) โดยตามกฎหมายไทยมนุษย์เงินเดินที่มีรายได้เกิน 310,000 บาท ถึงจะเริ่มเสียภาษี และสามารถใช้สิทธิหักลดภาษีได้ตามเงื่อนไขข้างต้น

ปีภาษี 2563 มีค่าลดหย่อนจากรัฐบาล แต่ไม่มี LTF แล้วใช้อะไรลดหย่อนได้บ้าง?

         เนื่องจากรัฐบาลได้ยกเลิกกองทุน LTF ไปแล้ว ทำให้ใครที่ถือกองทุน LTF มาลดหย่อนภาษีไม่ได้ แต่ปัจจุบันรัฐบาลเองก็ยังคงมีนโยบายส่งเสริมการออมให้กับประชาชน โดยยังมีผลิตภัณฑ์และมาตรการที่น่าสนใจ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ซึ่งรายการที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีในปี 2563 หากแบ่งตามกลุ่มจะสามารถแบ่งได้ ดังนี้ 

 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ 

  • ช้อปดีมีคืน หักลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าตั้งแต่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.2563
  • ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท  โดยลดได้เฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยเท่านั้น


ลดหย่อนตัวเองและครอบครัว   

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล จะหักได้คนละ 60,000 บาททันทีที่ยื่นแบบแสดงรายได้ 
  • ค่าลดหย่อนจากคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ 60,000 บาท   และอีกฝ่ายต้องไม่มีเงินได้ หรือมีแต่คำนวณภาษีพร้อมกัน (ไม่ได้ต่างคนต่างยื่น)
  • ค่าลดหย่อนบุตร ได้ 30,000 บาทต่อบุตร 1 คน คนที่ 2 ขึ้นไป (เกิดตั้งแต่ปี 2561) จะเพิ่มเป็นคนละ 60,000 บาท 
  • ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรต่อท้อง ลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 60,000 บาท
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ซึ่งต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้คนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 4 คน (รวมพ่อแม่ของคู่สมรส) แต่หากมีพี่น้องและพี่น้องของเราใช้สิทธิ์ไปแล้ว เราจะไม่สามารถใช้สิทธิตรงนี้ได้
  • ค่าอุปการะคนพิการ หรือ คนทุพพลภาพ ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 เช็กมาตรการพักชำระหนี้ แบงก์ไหนขยายระยะเวลาเพิ่มถึงปีหน้า?

 3 ช่องทางออมเงินให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่าหยอดกระปุก

 แชร์ 7 วิธีเก็บเงินง่ายๆ เปลี่ยนเศษเงินเป็นเงินเก็บตอนสิ้นปี

  ทำความรู้จัก ตลาดซื้อขายโลหะเงิน ล่วงหน้า

 เปิดเงื่อนไข รถเก่าแลกรถใหม่ คุ้มค่าไหม? ถ้าใช้สิทธิตามมาตรการ

 ลดหย่อนกลุ่มประกัน 

  • เบี้ยประกันชีวิต ไม่เกิน 100,000 บาท 
  • เบี้ยประกันสุขภาพ ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วจะต้องไม่เกิน100,000 บาท 
  • เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ไม่เกิน 15,000 บาท 
  • ประกันแบบบำนาญ  15%  รวมการออมเพื่อเกษียณต้องไม่เกิน 500,000  บาท 

 ออมเพื่อเกษียณ

  • กบข./PVD/สงเคราะห์ครู ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ (แต่ไม่เกิน 500,00 เมื่อรวมกับหมวดลงทุนเพื่อการเกษียณ)
  • กอช. ลดหย่อนได้ 13,200 บาท
  • กองทุน RMF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30%ของรายได้(แต่ไม่เกิน 500,00 เมื่อรวมกับหมวดลงทุนเพื่อการเกษียณ)
  • กองทุน SSF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30%ของรายได้(แต่ไม่เกิน 500,00 เมื่อรวมกับหมวดลงทุนเพื่อการเกษียณ)
  • กองทุน SSFX  หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 200,000 บาท( ไม่รวมกับกลุ่มออมเพื่อเกษียณ)
  • ประกันสังคม 5,850 บาท ( เดิม 9,000) 


 เงินบริจาค 

  • เงินบริจาคทั่วไป 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน
  • การศึกษา การกีฬา โรงพยาบาลรัฐ 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน ซึ่งจะได้สิทธิ 2 เท่าของเงินบริจาค แต่จะต้องไม่เกิน 10%หลังหักค่าลดหย่อน
  • พรรคการเมือง ไม่เกิน 10,000 บาท 

        ที่จริงแล้วการวางแผนลดหย่อนภาษีในบางเรื่องเราสามารถทำระหว่างปีได้ อย่างเช่นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่ต้องใช้ใบกำกับภาษีฉบับเต็ม หากมีการเดินทางและซื้อสินค้าและบริการอยู่แล้ว  ก็ควรขอใบกำกับภาษีมาเก็บไว้ เพราะในช่วงสิ้นปีเชื่อว่าจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษี หลายคนน่าจะมีความคิดคล้ายๆกับเรา ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลารอคิวขอใบกำกับภาษีอีกก็เป็นได้ หากเราทยอยขอใบกำกับภาษีก็จะช่วยให้เราคำนวณความคุ้มค่าของการนำเงินออกมาใช้จ่ายในแต่ละครั้งได้ด้วย  แต่แน่นอนว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราเสียภาษีไป จะเป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่จะนำกลับมาใช้พัฒนาประเทศได้ต่อไปนั่นเอง 
 
cr:Pixabay

เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง