ข้อควรรู้ ! การสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX

ถือเป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักลงทุน ที่จะสามารถรับสิทธิลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติม ด้วยการสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX และรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี 5 ปี สูงสุด 500,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้-30 มิ.ย. 68
เงื่อนไขการสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX
- ต้องสับเปลี่ยน LTF ทุกกองทุน ทุก บลจ. ที่ถืออยู่ ต้องโอนหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 (ยกเว้นหน่วยใน Class SSF) ไปยังกองทุน Thai ESGX หากสับเปลี่ยนไม่ครบ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ช่วงเวลาการสับเปลี่ยน สามารถดำเนินการสับเปลี่ยนได้เฉพาะในช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
- ห้ามขายหรือสับเปลี่ยน LTF หลังวันที่ 11 มีนาคม 2568 หากมีการขายคืนหรือสับเปลี่ยน LTF ไปยังกองทุนอื่น (ทั้งในบลจ.เดียวกันหรือข้ามบลจ.) หลังวันที่ 11 มีนาคม 2568 จะหมดสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการสับเปลี่ยนนี้
สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากการสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX
- วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท
- ปีแรก (2568) ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท
- ปีที่ 2 – 5 (2569 – 2572) ลดหย่อนปีละ 50,000 บาท
เงื่อนไขการใช้สิทธิ์
- ต้องสับเปลี่ยน LTF ทุกกองทุนที่ถืออยู่ (ไม่สามารถเลือกบางกองทุนหรือบางส่วนได้)
- หากยอด LTF ที่สับเปลี่ยนต่ำกว่า 500,000 บาท จะใช้สิทธิ์ได้ตามยอดจริง
- มูลค่า LTF ที่สับเปลี่ยนเกิน 500,000 บาท ส่วนเกินไม่ได้รับสิทธิลดหย่อน แต่ยังต้องถือครองครบ 5 ปี
ต้องถือครอง Thai ESGX อย่างน้อย 5 ปี
- หน่วยลงทุน Thai ESGX ที่ได้จากการสับเปลี่ยนต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวันจากวันที่สับเปลี่ยน) หากขายก่อนครบกำหนด จะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษี และอาจต้องเสียเบี้ยปรับตามกฎหมาย
- สามารถสับเปลี่ยน LTF จากหลาย บลจ. มารวมไว้ที่ Thai ESGX กองทุนเดียวได้ แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขกับแต่ละบลจ.ก่อนดำเนินการ
สำหรับกองทุน ThaiESGX เป็นกองทุนหุ้นไทยรูปแบบหนึ่ง ที่ต้องลงทุนหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) ไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่ากองทุน และลงทุนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนหรือสิ่งแวดล้อมไทยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่ากองทุน
- กองทุน ThaiESGX มีทั้งแบบหุ้นเต็มร้อย และหุ้นบางส่วน
แต่ละ บลจ. อาจออก ThaiESGX ในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ แต่ ThaiESGX ทุกกองทุนต้องเป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% และต้องเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนหรือสิ่งแวดล้อมไทยเป็นหลักด้วย
ถ้าไม่โยก LTF ไปที่ THAIESGX ยังมีทางเลือกในการจัดการกับ LTF ที่มีอยู่ได้หลากหลาย ดังนี้
1.ถือ LTF ต่อไปจนครบ 7 ปี เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การยกเว้นภาษีจากกำไรที่ได้จากการขาย LTF หลังจากถือครองครบ 7 ปี หรือหากยังต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง
2.ขาย LTF ก่อนครบ 7 ปี จะต้องเสียภาษีจากกำไรที่ได้รับจากการขายกองทุน (ภาษี 15% สำหรับรายได้จากการขายกองทุนที่ได้กำไร) และจะไม่ได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในปีนั้น ๆ
3. โอน LTF ไปยังกองทุนประเภทอื่น แต่ต้องพิจารณาภาษีที่จะเกิดขึ้นหากมีการขาย
4. เลือกเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนใน LTF โดยการเลือกกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ภายในกองทุน เช่น การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นหรือลงทุนในภาคธุรกิจที่ตรงกับความสนใจของคุณ
5. ถ้าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรใน LTF ก็สามารถเลือกที่จะปล่อยให้การลงทุนใน LTF เดิมดำเนินไปตามปกติ จนถึงระยะเวลา 7 ปี ซึ่งหลังจากนั้นสามารถขายหรือเก็บไว้ในกองทุนได้ตามต้องการ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
