รีเซต

ธารน้ำแข็งละลาย เสี่ยงปลุกภูเขาไฟให้ตื่น

ธารน้ำแข็งละลาย  เสี่ยงปลุกภูเขาไฟให้ตื่น
TNN ช่อง16
16 กรกฎาคม 2568 ( 10:00 )
20

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเปิดประตูสู่ภัยคุกคามใหม่ที่โลกยังไม่พร้อมรับมือ นั่นคือ การปะทุของภูเขาไฟที่อาจเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง การศึกษาที่นำเสนอในงานประชุมวิทยาศาสตร์ Goldschmidt โดยนักภูเขาไฟวิทยา Pablo Moreno-Yaeger จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน เผยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างธารน้ำแข็งที่กำลังละลายกับการฟื้นคืนชีพของภูเขาไฟที่สงบนิ่งมานาน เช่น ภูเขาไฟ Mocho-Choshuenco ในประเทศชิลี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ใต้ผืนธารน้ำแข็งโบราณในแถบพาตาโกเนีย


คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) เตือนว่า ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในไอซ์แลนด์ และอาจขยายผลกระทบไปยังทวีปอื่น เช่น อเมริกาเหนือ รัสเซีย นิวซีแลนด์ และแม้แต่อเมริกาใต้ ผลพวงของการละลายของธารน้ำแข็งไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มระดับน้ำทะเล แต่รวมถึงการลดทอนแรงกดทับในเปลือกโลก ซึ่งอาจนำไปสู่การเคลื่อนตัวของหินหนืด (แมกมา) และปลุกภูเขาไฟให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

น้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาไฟจำนวนมากทำหน้าที่เป็น “ฝาปิด” ธรรมชาติที่กดทับแมกมาไว้ใต้ผิวโลก แต่เมื่อโลกร้อนขึ้นและน้ำแข็งละลาย แรงกดนั้นจะหายไป เปลือกโลกจะยกตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้แมกมาสามารถไหลขึ้นสู่ผิวโลกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ แก๊สภายในแมกมาจะมีพื้นที่ในการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟ

 

การศึกษาภูมิภาคพาตาโกเนียในอเมริกาใต้ตอนล่างพบว่าเมื่อประมาณ 18,000 ปีก่อน พื้นที่ดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ แรงกดมหาศาลจากน้ำแข็งทำให้แมกมาที่สะสมตัวอยู่ใต้ผิวโลกต้องหยุดนิ่ง แต่เมื่อภูมิอากาศเปลี่ยน น้ำแข็งละลายและแรงกดลดลง ทำให้เกิดการยกตัวของแผ่นเปลือกโลก และเกิดการระบายก๊าซและแมกมาในที่สุด ซึ่งส่งผลให้ภูเขาไฟบางแห่งในอดีตเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง


ภูเขาไฟ Mocho-Choshuenco ในชิลีที่ปัจจุบันสงบนิ่ง เคยแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการปะทุของมันในอดีตมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการถอยร่นของธารน้ำแข็งในภูมิภาค

แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าการละลายของธารน้ำแข็งจะนำไปสู่การปะทุของภูเขาไฟ แต่อัตราการละลายในปัจจุบันโดยเฉพาะในพาตาโกเนีย กำลังเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เปลือกโลกยกตัวเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าการปะทุของภูเขาไฟจากผลของโลกร้อนไม่ใช่เพียงทฤษฎีในอนาคตอันไกลโพ้นอีกต่อไป


ไม่เพียงแค่ในพาตาโกเนีย ปรากฏการณ์ลักษณะเดียวกันยังถูกพบในไอซ์แลนด์ ซึ่งมีการสังเกตว่าภูเขาไฟมักจะปะทุถี่ขึ้นเมื่อธารน้ำแข็งถอยร่นลง ล่าสุด งานวิจัยยังเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ปรากฏการณ์นี้จะเกิดในแถบแอนตาร์กติกา นิวซีแลนด์ และบางส่วนของรัสเซียและอเมริกาเหนือเช่นกัน

 

การปะทุของภูเขาไฟไม่ได้ส่งผลเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ยังปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากเข้าสู่บรรยากาศโลก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งสามารถทำให้โลกร้อนขึ้นเร็วขึ้น วงจรนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "วงจรป้อนกลับเชิงบวก" ซึ่งหมายถึงเมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งละลายมากขึ้น ส่งผลให้ภูเขาไฟปะทุมากขึ้น และปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น วนลูปไปไม่รู้จบ

 

แม้ว่าเราจะยังมีเวลา ก่อนที่หายนะในระดับนี้จะมาถึง แต่สิ่งที่สำคัญคือการตระหนักรู้ว่าโลกร้อนไม่ได้เพียงทำให้อากาศร้อนหรือพายุรุนแรงขึ้นเท่านั้น หากยังสามารถเปลี่ยนสมดุลของโลกในระดับธรณีวิทยาได้ด้วย ขณะนี้เราอาจยังควบคุมชะตากรรมของโลกได้ หากลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง ก่อนที่ธรรมชาติจะตอบโต้กลับด้วยพลังที่เราไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง