รีเซต

ศบค.ชงกทม.ใช้โมเดลสมุทรสาคร ตั้ง 'แคมป์ควอรันทีน' คุมต่างด้าวติดโควิด

ศบค.ชงกทม.ใช้โมเดลสมุทรสาคร ตั้ง 'แคมป์ควอรันทีน' คุมต่างด้าวติดโควิด
ข่าวสด
20 พฤษภาคม 2564 ( 15:02 )
45

 

คณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของศบค. เสนอ กทม.ใช้ “โมเดลสมุทรสาคร” คุมต่างด้าวติดโควิดที่อยู่ในกทม.-ปริมณฑล ตั้งเป็นแคมป์ควอรันทีน

 

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.64 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยหลังแถลงตัวเลขสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า เรื่องสำคัญวันนี้ คณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขของศบค. เสนอแนะการแก้ปัญหาของชาวต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย

 

 

 

โดยประมาณการว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีคนต่างด้าวอาศัยอยู่ประมาณ 1,318,641 คน เฉพาะที่ถูกต้องตามกฎหมาย กระจายอยู่ใน 6 จังหวัด แยกเป็น กทม.มีประมาณ 5.8 แสนคน สมุทรสาคร 2.3 แสนคน สมุทรปราการ 1.6 แสนคน ปทุมธานี 1.3 แสนคน นนทบุรี 99,000 คน และนครปฐม 93,000 คน นอกจากนี้ ยังมีที่ไม่ถูกกฎหมายอีกจำนวนหนึ่ง ประมาณกันทั่วทั้งประเทศน่าจะมีหลักล้านคน

 

 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ประเด็นอยู่ตรงที่หากไม่จัดการอะไรขึ้นมา คนเหล่านี้มีชุดพฤติกรรมที่จะเกิดประเด็นปัญหา 2-3 ข้อ คือ 1.กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นผู้ที่ไม่อยู่นิ่ง จะหลบหนีหรือเคลื่อนย้ายตัวเองบ่อยๆ เพราะเป็นแรงงานไม่ถูกกฎหมาย 2.กลุ่มคนเหล่านี้จะไปอยู่กับคนที่ถูกกฎหมาย โดยพยายามที่จะเกาะกลุ่มรวมกัน ไปทำงานและย้ายจุดไปเรื่อยๆ โดยมีจุดเชื่อมต่อคือคนที่ถูกกฎหมาย และ 3.มีที่พักที่แออัด ทั้งกินนอน ดื่มเล่นกัน

 

 

เพราะฉะนั้น 3 ปัจจัยนี้จะนำมาสู่การควบคุมโรคได้ยาก สิ่งที่ทางคณะที่ปรึกษาศบค.เสนอคือจะต้องให้มีศูนย์คัดแยกผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งเราเรียนรู้มาจากทางจ.สมุทรสาครแล้ว ซึ่งเขาควรจะได้พื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งอาจะใช้ มีคำพูด เช่น อาจเรียกว่าเป็น แคมป์ QUARANTINE หรือเรียกว่าแคมป์ ISOLATION

 

 

“ตัวอย่างที่พูดคุยกันวันนี้คือโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเกิดขึ้นที่จ.ปทุมธานี คือเอาตลาดเก่าที่ไม่ใช้แล้วมาปรับปรุง แล้วให้คนที่เป็นต่างด้าวมาอยู่ด้วยกันตรงนี้ แล้วชุมชนก็เป็นผู้ดูแลร่วมกัน มีรั้วรอบมิดชิด มีการส่งข้าวส่งน้ำ เพราะคนพวกนี้ทำงานอยู่ตรงนั้น และก็รู้จักกันในชุมชนทั้งสิ้น

 

 

โมเดลอย่างนี้ กทม.ควรจะต้องรีบทำ เพราะวันหนึ่งที่มีผู้ป่วยเพิ่มกันมา 300-400 คน จากการตรวจเชิงรุก มีที่นอนให้เขา แยกออกมาจากชุมชนให้ได้ และ 2. ในเชิงของทางกฎหมาย ให้มีมาตรการรองรับ ขยายนิรโทษกรรม ให้เขาขึ้นทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เขาได้เข้าสู่ระบบบการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง