ทำความรู้จัก "แร่แรร์เอิร์ธ" (Rare Earth) ขุมพลังใหม่ที่โลกแย่งชิง

"แร่แรร์เอิร์ธ" หรือ แร่หายาก (Rare Earth Elements : REEs) คือกลุ่มโลหะ 17 ชนิด ประกอบด้วย ธาตุในหมู่แลนทาไนด์ (Lanthanides) จำนวน 15 ธาตุ คือ แลนทานัม (La), ซีเรียม (Ce), เพรซีโอดิเมียม (Pr), นีโอดิเมียม (Nd), โพรมีเทียม (Pm), ซาแมเรียม (Sm), ยูโรเพียม (Eu), แกโดลิเนียม (Gd), เทอร์เบียม (Tb), ดิสโพรเซียม (Dy), โฮลเมียม (Ho), เออร์เบียม (Er), ทูเลียม (Tm), อิตเตอร์เบียม (Yb), และ ลูทีเชียม (Lu) และธาตุในหมู่โลหะทรานซิชัน 2 ธาตุ คือ สแกนเดียม (Sc) และ อิตเทรียม (Y)
แม้จะถูกเรียกว่า “แร่หายาก” แต่แท้จริงแล้ว แรร์เอิร์ธสามารถพบได้ในเนื้อหินเกือบทุกชนิดที่เป็นส่วนประกอบของเปลือกโลก แต่หาในรูปแบบบริสุทธิ์ได้ยากมาก ต้องมีกระบวนการขุดและกลั่นหลายขั้นตอน ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง อีกทั้งในกระบวนการเหล่านี้ยังสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมสูง ทำให้หลายประเทศไม่ต้องการที่จะผลิตแร่เหล่านี้เอง
ความสำคัญของแรร์เอิร์ธจึงไม่ได้อยู่แค่ในมิติ “อุตสาหกรรม” แต่ยังเกี่ยวพันโดยตรงกับ ภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของประเทศต่าง ๆประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ต่างเร่งพัฒนาเหมืองและเทคโนโลยีรีไซเคิลแรร์เอิร์ธ เพื่อ “ลดการพึ่งพาจีน” และรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและเทคโนโลยีขั้นสูง “แรร์เอิร์ธ” หรือ แร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements: REEs) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตั้งแต่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV), กังหันลมผลิตไฟฟ้า, สมาร์ทโฟน, ไปจนถึง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ อุปกรณ์ทางการทหารทุกระบบล้วนต้องพึ่งพาแร่หายากเหล่านี้ในระดับที่แทบจะขาดไม่ได้
แม้ประเทศไทยจะยังไม่ใช่ผู้ผลิตหรือส่งออก “แรร์เอิร์ธ” รายใหญ่ของโลก แต่กระแสความต้องการใช้แร่ธาตุหายากที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก กำลังเปิด “โอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ” ให้ไทยได้เข้ามามีบทบาทในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในฐานะประเทศที่มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการผลิตและการแปรรูปขั้นปลาย เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีแบตเตอรี่
ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
"แร่แรร์เอิร์ธ" มีความสำคัญต่อการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง การนำไฟฟ้าและสร้างสนามแม่เหล็ก แร่หายากจึงเป็นวัสดุหลักในอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น
สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แผงโซลาร์เซลล์ และระบบอาวุธทางทหาร อาทิ
นีโอดิเมียม (Nd) ใช้สร้างแม่เหล็กแรงสูงในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม
ซีเรียม (Ce) ใช้ในกระบวนการกลั่นน้ำมันและผลิตน้ำมันดีเซลสะอาด
แลนทานัม (La) ส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ของรถไฮบริด
ยูโรเพียม (Eu) และอิตเทรียม (Y) ให้สีสดใสในหน้าจอทีวีและสมาร์ตโฟน
เทอร์เบียม (Tb) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานของแผงโซลาร์เซลล์
มีในประเทศไหนบ้าง?
สำหรับในระดับโลก “ประเทศจีน” ถือเป็นเจ้าตลาดแรร์เอิร์ธในระดับ เกือบผูกขาด (near monopoly) โดยองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประเมินว่า จีนครองสัดส่วนการผลิตแรร์เอิร์ธราว 61% ของทั้งโลก และ 92% ของการแปรรูป ข้อมูลจาก สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ระบุว่า ในปี 2024 มีการผลิตแร่แรร์เอิร์ธราว 390,000 ตัน REO (Tons of Rare Earth Oxides) ดังนี้
อันดับประเทศผลิตแรร์เอิร์ธ (Mine production) 5 อันดับแรกคือ
1.จีน 270,000 ตัน REO
2.สหรัฐฯ 45,000 ตัน REO
3.เมียนมา 31,000 ตัน REO
4.ไทย, ออสเตรเลีย, ไนจีเรีย เท่ากันที่ 13,000 ตัน REO
5.อินเดีย 2,900 ตัน REO
อันดับประเทศที่ปริมาณแร่แรร์เอิร์ธสำรองของทั้วโลก 5 อันดับแรกคือ
1.จีน 44,000,000 ตัน REO
2.บราซิล 21,000,000 ตัน REO
3.อินเดีย 6,900,000 ตัน REO
4.ออสเตรเลีย 5,700,000 ตัน REO
5.รัสเซีย 3,800,000 ตัน REO
สำหรับแหล่งแร่ แรร์เอิร์ธในไทย ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี กองทรัพยากรแร่ ระบุถึงพื้นที่ศักยภาพของแหล่งแร่ธาตุหายาก พบกระจายอยู่ทางด้านตะวันตก ตั้งแต่ภาคเหนือลงมาจนถึงภาคใต้ ได้แก่ เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ระนอง, ชุมพร, พังงา และสุราษฎร์ธานี โดยธาตุหายากหลัก ๆ ที่พบในไทยบ่อยที่สุด ได้แก่ ซีเรียม อิตเทรียม นีโอดิเมียม และแลนทานัม
“แรร์เอิร์ธ” ไม่ใช่เพียงวัตถุดิบของเทคโนโลยี แต่คือกุญแจแห่งพลังเศรษฐกิจใหม่ประเทศที่มองเห็นและปรับตัวได้ก่อน จะได้เปรียบในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคพลังงานสะอาด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
