"ITER" ติดตั้งแม่เหล็กยักษ์ใน “เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชัน” ขยับเข้าใกล้ขั้นเปิดเครื่อง

นักวิทยาศาสตร์จากฝรั่งเศสในโครงการวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันระหว่างประเทศ หรือ อิเทอร์ (ITER) เผยว่า ขณะนี้ชิ้นส่วนแม่เหล็กส่วนสุดท้ายของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว คาดว่าจะนำมาประกอบให้แล้วเสร็จ และเริ่มการทดลองได้ในปี 2034 โดยมีเป้าหมายเพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ในการใช้กระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชัน เพื่อผลิตพลังงานสะอาด
สำหรับชิ้นส่วนแม่เหล็กส่วนสุดท้ายที่ว่านี้ คือชิ้นส่วนที่เรียกว่า “เซ็นทรัล โซลินอยด์” (Central Solenoid) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนแม่เหล็กพลังงานสูง สามารถสร้างสนามแม่เหล็กได้แรงกว่าสนามแม่เหล็กโลกประมาณ 280,000 เท่า โดยนักวิจัยยกตัวอย่างว่ามีพลังมากพอที่จะยกเรือบรรทุกเครื่องบินได้ทั้งลำ
การผลิตแม่เหล็กแต่ละส่วนจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และขณะนี้กำลังเตรียมขนส่งแม่เหล็กส่วนสุดท้ายจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันโทคาแมค (Tokamak) เพื่อเริ่มทำการประกอบชิ้นส่วน คาดว่าจะใช้เวลาในการประกอบถึง 6 ปี
และเมื่อเปิดใช้งานแล้ว เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันโทคาแมค (Tokamak) ที่มีรูปร่างคล้ายกับ “โดนัท” นี้ จะทำหน้าที่ในการจำลองปฏิกิริยานิวเคลียร์ในลักษณะใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์
โดยตัวเครื่องจะดักจับไฮโดรเจนที่ถูกทำให้ร้อนถึง 150 ล้านองศาเซลเซียส นานพอที่จะให้อะตอมรวมเข้าด้วยกันได้ และปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา ซึ่งอาจจะแปลงให้เป็นแหล่งพลังงานสะอาด สำหรับนำไปใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้า ที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม
สำหรับโครงการวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันระหว่างประเทศ (ITER) เป็นโครงการพัฒนานิวเคลียร์ฟิวชัน เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากกว่ากระบวนการผลิตไฟฟ้าแบบเดิม และยังได้ชื่อว่าเป็นโครงการทางวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
สำหรับโครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 35 ประเทศ โดยถ้าหากการทดสอบนี้ประสบความสำเร็จ อาจจะเป็นก้าวสำคัญของมนุษยชาติ ในการสร้างแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่มีความสะอาด ยั่งยืน และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น