ชาวญี่ปุ่น 89% รู้สึกข้าวของ 'ราคาแพงขึ้น'
โตเกียว, 7 ก.ค. (ซินหัว) -- ผลสำรวจจากธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งเผยแพร่วันพุธ (6 ก.ค.) ระบุชาวญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 90 รู้สึกว่าราคาสิ่งของแพงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปี หลังเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ส่งผลให้ราคาพลังงานและอาหารทั่วประเทศพุ่งสูงการสำรวจรายไตรมาสพบผู้ตอบแบบสอบถามรวมร้อยละ 89 กล่าวว่าราคาสิ่งของเพิ่มขึ้น "อย่างมีนัยสำคัญ" หรือ "อย่างเล็กน้อย" เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.8 จุด เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนหน้าในเดือนมีนาคม และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008ขณะเดียวกันผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 82.9 กล่าวว่าราคาสิ่งของที่สูงขึ้นนั้น "ไม่น่าพึงพอใจ" และร้อยละ 87.1 คาดการณ์ว่าราคาสิ่งของจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือเล็กน้อยในช่วงหนึ่งปีนับจากนี้ ซึ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2008ธนาคารฯ พยายามรักษาทิศทางเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อร้อยละ 2 ในประเทศที่ติดอยู่ในกรอบความคิดเรื่องการลดค่าเงินมาเป็นเวลานาน ทว่าธนาคารฯ มองว่าเงินเฟ้อที่มาจากต้นทุนที่สูงขึ้นนั้นเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว และครัวเรือนต่างๆ ได้รับผลกระทบหลังจากไม่มีการขึ้นค่าจ้างอย่างชัดเจนผู้ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 43.2 กล่าวว่าพวกเขาแย่ลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 41.7 ในการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคม โดยร้อยละ 78.9 ของบรรดาผู้ที่ระบุว่าสภาพครัวเรือนแย่ลง กล่าวว่าสาเหตุมาจากราคาที่สูงขึ้น