แนะใช้ "กว่างโจวโมเดล" ล็อกดาวน์สกัดกั้นโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า
วันนี้ (20 ก.ค.64) รศ.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลายท่านคุยกันถึงเรื่องอู่ฮั่นโมเดล จริงๆ สิ่งที่สำคัญและน่าจะเข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า มากกว่าคือ "กว่างโจวโมเดล"
1. ทั้ง 2 สถานการณ์ ทางการจีน Lockdown อย่างทันท่วงที กล้าตัดสินใจ แม้จะเสียหายมหาศาลทางเศรษฐกิจ อู่ฮั่นคือเมืองศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ของจีน ระบบทางด่วน ระบบรถไฟความเร็วสูง เหนือ-ใต้-ออก-ตก มี interchange ที่อู่ฮั่น เขากล้าปิดเมืองในวันตรุษจีนที่คนจีนเดินทางนับหลายๆ ร้อยล้านคน เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู หรือกรณีกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งที่ค้าขายระหว่างประเทศมากที่สุด คู่กับเขตเศรษฐกิจฮ่องกง มาเก๊า ในกว่างโจว จีนระดมสรรพกำลังตั้งแต่ตรวจพบคุณผู้หญิงอายุ 75 ปีรายแรกที่ติดเชื้อเดลตา ถ้าจำเป็นต้องปิดเมืองเพื่อรักษาชีวิต เขาทำทันที ภาวะผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ บนข้อมูลที่รอบคอบ รอบด้าน และมีแผนการรองรับ
2. เร่งตรวจเชื้อเชิงรุก 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ ฝนตก แดดออก กลางดึก ก็มีอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนออกไปเชิญชวนให้คนมาตรวจคัดกรอง
3. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดไม่เลือกปฏิบัติ จัดการกับผู้ละเมิดกฎกติกาอย่างจริงจัง
4. จัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็น ส่งกำลังบำรุงให้ประชาชนไม่ขาดแคลน ผ่านระบบ Mini-Application บนโทรศัพท์มือถือ แม้ทุกคนในพื้นที่จะไม่สามารถออกนอกที่พักอาศัยได้ ยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุญาต
5. เร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และเมื่อเปิดเมืองก็ยังบังคับการ Social Distancing จนทั้งเมืองปลอดเชื้อ จึงเริ่มผ่อนคลายการทำ Social Distanging
6. ใช้ AI + GPS + QR code + Mini Application ในการบ่งชี้พื้นที่เฝ้าระวัง บ่งชี้ว่าใครสามารถเดินทางได้หรือไม่ได้ และได้แค่ไหน รวมทั้งเฝ้าระวังว่ามีใครละเมิดกฎกติกาหรือไม่
7. มีการวางแผนเผชิญเหตุอย่างชัดเจน รัดกุม รอบด้าน (ทั้งเรื่องมาตรการ กำลังคน อุปกรณ์ และงบประมาณ) เพื่อให้ประชาชนเชื่อใจ และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาได้
นาทีนี้ประเทศไทยก็ต้องการภาวะผู้นำและมาตรการที่รอบคอบครบถ้วนเช่นกัน