10 ข่าวเด่นแห่งปี มัดรวมประเด็นสะเทือนวงการตลาด Crypto-บิตคอยน์ สร้างกระแสทั่วโลก
ในปี 2564 มีหลายเหตุการณ์ที่สร้างกระแสให้กับวงการ Cryptocurrency คึกคัก โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเห็นการยอมรับใน Bitcoin และ Cryptocurrency เพิ่มขึ้น จากการเข้ามาส่วนร่วมของสถาบันการเงิน และภาคธุรกิจ ทั้งในต่างประเทศและในบ้านเรา
โดยภาพรวมของตลาด Cryptocurrency ในตอนนี้ เหรียญที่มีมูลค่ามากที่สุด คงหนีไม่พ้น Bitcoin ที่มี Market Cap. อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 54% ของมูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งเป็น Cryptocurrency ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งก็มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ตลาดคริปโตฯคึกคัก
1. การยอมรับจากสถาบันการเงิน
สถาบันการเงินชั้นนำต่าง ๆ ได้ออกมาประกาศยอมรับ Cryptocurrency มากขึ้น เช่น VISA เพิ่ม Cryptocurrency เป็นอีกหนึ่งช่องทางในให้ลูกค้าสามารถใช้ชำระค่าบริการได้ โดยได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านคริปโตฯ บริษัทหนึ่ง เพื่อพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งล่าสุดได้มีการเริ่มทดลองการทำธุรกรรมด้วย USDC ซึ่งเป็น Cryptocurrency ประเภท Stable coin แล้ว เช่นเดียวกับ Mastercard ผู้ให้บริการทางการเงินที่มีผู้ใช้งานเป็นอันดับต้นๆของโลก ก็มีแผนที่จะนำเสนอการรับชำระด้วยสกุลเงินคริปโตบางสกุลบนแพลตฟอร์มของบริษัท
ภาพจาก :AFP
2. การรับชำระค่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ด้วย Bitcoin
นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้น ก็คือการที่ Elon Musk ออกมาทวิตผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “คุณสามารถซื้อรถยนต์ Tesla ด้วย Bitcoin ได้แล้วในตอนนี้” อีกทั้ง Tesla เอง ยังได้มีการแจ้งกับทาง ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ ว่า ทางบริษัทได้มีการเข้าซื้อ Bitcoin เพื่อเป็นเงินสำรองของบริษัท เพราะเล็งเห็นว่า เป็นการกระจายความเสี่ยงได้ และไม่ว่าเขาจะทวิตอะไรเกี่ยวกับ Cryptocurrency ก็มักจะมีผลต่อตลาดและราคาของเหรียญนั้นๆด้วยเรื่อยๆ
3.Morgan Stanley แนะลงทุน Bitcoin
ผู้ให้บริการการเงินชื่อดังระดับโลกอย่าง Morgan Stanley เอง ก็ไม่น้อยหน้า เริ่มมีการแนะนำให้ลูกค้ารายใหญ่หรือกลุ่ม High Net Worth ลงทุนใน Bitcoin เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และยังมองถึงแนวโน้มของ Bitcoin ในอนาคตอีกด้วย แต่ทั้งนี้ยังคงแนะนำให้ถือครองเพียง 2.5% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด เนื่องการความผันผวนของราคา
ภาพจาก :AFP
4. กระแสของ NFT
NFT ค่อยๆมีอิทธิพลกับตลาด เนื่องจากมีการซื้อขาย NFT ระหว่างกันด้วยมูลค่าที่สูงมาก หลายคนจึงเริ่มหันมาศึกษาอย่างจริงจังว่า NFT คืออะไรกันแน่ หลังจากนั้นก็มี Use Case ของ NFT เกิดขึ้นหลายรูปแบบ และดูเหมือนจะเปิดกว้างในเกือบทุกวงการ ขณะเดียวกันก็มีองค์กรใหญ่ ๆ เริ่มหันเข้ามาสนใจ NFT มากขึ้นเพราะสามารถสร้างรายได้เพิ่ม, ต่อยอดธุรกิจ, สร้างโอกาสและฐานลูกค้าใหม่ ยิ่งมีการนำ NFT ไปผสมกับเกม ผสมกับโลกเสมือน (Metaverse) ยิ่งทำให้ NFT น่าสนใจมากขึ้น และแน่นอนว่าจะยังมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 นี้ด้วย
5. สถาบันการเงินหันมาพัฒนา โทเคนดิจิทัล เป็นของตัวเอง
ที่ผ่านมาแม้สถาบันการเงินในประเทศใหญ่ๆจะยังไม่ยอมรับคริปโทเคอร์เรนซี แต่ก็มีหลายสถาบันการเงินในโลกให้การยอมรับเช่นกัน โดยมีหลายธนาคารเริ่มพัฒนาเหรียญของตัวเอง เช่น ธนาคารของซิมบับเวที่ก่อนหน้านั้นจะคัดค้านสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ แต่ล่าสุดท่าทีของธนาคารเปลี่ยนไป โดยยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางซิมบับเวควรมีสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง โดยเริ่มมองแนวทางสร้าง CBDC ในประเทศ
ขณะที่ SEBA Bank ของสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศว่ากำลังเปิดตัวโทเคนดิจิทัล ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของทองคำได้ โดยได้ระบุไว้ว่า Gold Token จะเป็นโทเคนดิจิทัลสำหรับการลงทุนและการส่งมอบทองคำให้กับนักลงทุน และบอกด้วยว่า Gold Token จะทำหน้าที่เป็น Stablecoin ที่เชื่อมโยงกับมูลค่าของทองคำในห้องนิรภัยของสวิส ซึ่งคล้ายกับการที่ USDT และ USDC มีเงินดอลลาร์หนุนหลังอยู่ เป็นต้น
6. Binance กำลังขยายอาณาจักรไปทั่วโลก
เว็บเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Binance กำลังเตรียมขยายกิจการไปยังในหลายประเทศ เช่น ล่าสุดเตรียมจะขยายไปยังอินโดนีเซียผ่านการร่วมมือกับ PT Telkom Indonesia บริษัทโทรคมนาคมของรัฐที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ Crypto ในเชิงบวกของรัฐบาลอินโดนีเซียทำให้บริษัทในเครือของ Binance ในสิงคโปร์ได้เข้าซื้อกิจการของ Hg Exchange (HGX) ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์เอกชนระดับภูมิภาค ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ Binance มีสัดส่วนการถือหุ้น 18% ใน HGX บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตผู้ประกอบการตลาดจากหน่วยงานด้านการเงินของสิงคโปร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดคริปโตฯที่พร้อมจะขยายใหญ่ขึ้นและเป็นตลาดที่นักลงทุนไม่กลัวอีกต่อไป
ภาพจาก : พีอาร์ SCB
7. วงการคริปโตฯในไทย สั่นสะเทือน หลัง SCB เข้าถือหุ้น Bitkub
กลายเป็นอีกกระแสฮือฮาให้กับวงการ Cryptocurrency ในบ้านเรา ที่ SCB ได้ซื้อหุ้นของบิทคับ Bitkub ในสัดส่วนร้อยละ 51: 49 ทำให้ Bitkub กลายเป็นยูนิคอร์นสตาร์ทอัพตัวใหม่ของไทยและของภูมิภาค หรือแม้แต่ของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ Kub Coin ได้อานิสงส์ ราคาพุ่งขึ้นไปด้วย และก็มีดีลกับบริษัทแวดวงธุรกิจต่อๆมาอีกหลายดีล เช่น เดอะมอลล์ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ และทำให้ธุรกิจอื่นๆทยอยเปิดรับคริปโตฯกันมากขึ้น
8. ราคา KUB Coin พุ่งทุบสถิติ เพิ่มขึ้นกว่า 500%
ปรากฏการณ์ที่ทำให้ตลาด Cryptocurrency คึกคักหนีไม่พ้นการที่ KUB Coin เหรียญที่ Bitkub พัฒนาขึ้นและแจกให้กับยูสเซอร์ที่เคยใช้งานแพลตฟอร์ม ก่อนจะออกมาให้ซื้อในวันแรกอีก 10% และจะทยอยปล่อยออกมาเป็นรายไตรมาสและรายปี โดยราคาขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 25 บาท/เหรียญ ซึ่งหลายคนไม่คาดคิดว่าราคาจะพุ่งขึ้นได้ไปมากกว่านี้ จนเมื่อมีการจบดีลกับ SCB และหลังจากนั้นราคา KUB Coin ก็พุ่งขึ้นมาจากระดับ 70 บาท และไต่ขึ้นจนสามารถแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 500 บาทได้ในช่วงวันที่ 29 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 500% บ่งชี้ถึงสภาวะตลาดที่มีการเข้าซื้อมากจนเกินไป (Over bought) ทำให้ต้องมีการปรับฐานราคาเพื่อลดความร้อนแรงลง และล่าสุดราคาก็ผันผวนปรับขึ้นลงตามกระแสอีเวนท์ของ Bitkub มาเรื่อยๆ
และจากข่าวคราวในวงการ Cryptocurrency ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนทั้งรายใหญ่ รายย่อยกล้าที่จะกระโดดเข้ามาเล่นตลาดนี้กันมากขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง จึงยิ่งทำให้ตลาดขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตามมา อย่างที่เป็นกระแสในช่วงท้ายปีอย่าง NFT และ Metaverse ก็ยิ่งทำให้ตลาดคริปโตฯดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
แน่นอนว่า ความน่าสนใจของ Cryptocurrency น่าจะยังมีมาเรื่อยๆ และยังอยู่ในกระโลกและในบ้านเรา ที่น่าจับตาคือความเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินในไทย การออกกฎระเบียบเพิ่มเติมของ ก.ล.ต.และ นโยบายของ ธนาคารแห่งประเทศไทยต่อจากนี้ ที่หากคริปโตฯได้รับการยอมรับกันอย่างวงกว้างแล้วจะมีมาตรการดูแลอย่างไร และ ด้วยพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของตลาดนี้ เชื่อว่าจะมีอะไรใหม่ๆให้ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปีหน้า 2022 จะยังเป็นอีกปีที่น่าติดตาม และน่าจะมีอะไรให้ได้เซอร์ไพรส์กันเรื่อยๆ
ข้อมูลอ้างอิง : Zipmex ,th.investing.com ,Bitkub
ภาพประกอบ : AFP , Bitkub