3 โบรกฯ จับทิศลงทุน หุ้น KTC หลังประกาศงบ
3 โบรกฯ มุมมองต่อหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC หลังผลประกอบการ Q1/66 คงแนะนำ "ซื้อ" ประเมินพื้นฐาน 68-75 บาท
บล.ดาโอ ส่องหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC แนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 68.00 บาท อิง 2566 PBV ที่ 4.9x (+0.25 SD above 5-yr average PBV) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ Q1/66 ที่ 1.87 พันล้านบาท (+7% YoY, +12% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น YoY จากสินเชื่อที่ขยายตัวดี +15% YoY ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่ยังกดดันจาก credit cost ที่สูงขึ้น +70 bps ตามการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่สูง ด้านกำไรสุทธิขยายตัว QoQ จากค่าใช้สำรองที่ลดลง -9% QoQ ตามสินเชื่อที่หดตัวเป็นปกติฤดูกาล ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2023E ที่ 7.8 พันล้านบาท (+10% YoY) และประเมินผลการดำเนินงาน Q2/66 จะขยายตัว YoY จากสินเชื่อบัตรเครดิตที่เติบโตต่อเนื่อง ตามการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว
ราคาหุ้นใกล้เคียง SET ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคงแนะนำ “ซื้อ” จากสินเชื่อที่เติบโตดี โดยเฉพาะการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ตามการท่องเที่ยวที่กลับมาดีขึ้น และระยะสั้นจะได้ผลบวกการเลือกตั้งที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ศึกษาราคาหุ้น KTC ช่วง +/- 1 เดือนช่วงเลือกตั้งตั้งแต่ IPO ปี 2545 พบว่าราคาหุ้นจะ outperform SET เฉลี่ยที่ 2%
ด้าน บล.หยวนต้า มองกําไร KTC ฟื้นตัวขึ้นได้ดี หนุนจากค่าใช้จ่ายที่ผ่อนคลายลง กำไรสุทธิ Q1/66 คิดเป็น 23.6% ของประมาณการทั้งปี และฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการเดิม โดยคาดผลดำเนินงานของ KTC จะเริ่มทยอยเร่งตัวขึ้นตามลำดับ หนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดี ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไหลเข้าไทยมากขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (Q1/66 การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของ KTC เพิ่มขึ้น 22.5%YoY) และการใช้สินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่ NIM คาดจะเริ่มทรงตัว หลังรับรู้ผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับขึ้นไปมากแล้ว
ส่วน Asset Yield มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตั้งแต่ Q2/66 จากความต้องการจับจ่ายของภาคครัวเรือน และการปรับกลยุทธ์เน้น Synergy กับกลุ่ม KTB มากขึ้น ทั้งการเข้าถึงลูกค้าบนช่องทาง Digital Platform และการขยายฐานลูกค้า KTC พี่เบิ้มผ่านสาขาของ KTB
ในแง่คุณภาพสินทรัพย์ ฝ่ายวิจัยมองว่า KTC อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และคาดระดับ NPL จะชะลอตัวลง หลังได้รับอานิสงค์บวกจากทั้งค่าแรงขั้นต่าที่ปรับขึ้นตั้งแต่ปลายปีก่อน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงระดับ Coverage Ratio ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงมาก ทำให้คาดแรงกดดันจากการตั้งสำรองจะผ่อนคลายลง หนุนให้ทั้งปี ฝ่ายวิจัยคาด KTC จะมีกำไรสุทธิ 7,942 ลบ. โต 12.2%YoY
ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อการตั้งสำรองที่เริ่มทยอยปรับตัวลง และคาดหวังผลดำเนินงานของ KTC ที่จะปรับขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ราว 22.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 68 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 5.6x) ทำให้คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ฟาก บล.ทิสโก้ มอง KTC ผลประกอบการหนุนโดยการควบคุมต้นทุนและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี การเติบโตของสินเชื่อ QoQ สูงกว่าการคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยและแนวโน้มในอดีต ซึ่งสะท้อนถึงประโยช์นจากการเปิดประเทศอีกครั้งหลังโควิด (เงินกู้ลดลง QoQ มากกว่าใน Q1 เนื่องจากการชำระล่วงหน้า) Credit Cost ยังคงต่ำใน Q1 แต่คาดว่าโมเมนตั้มจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไปควบคู่ไปกับการเติบโตของเงินกู้ KTC ควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุมหนุนกำไร แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 75.00 บาท