รีเซต

'อนุทิน' สั่ง สสจ.ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโควิด กลุ่มแรงงานกลับบ้าน แบ่งเบาภาระ กทม.

'อนุทิน' สั่ง สสจ.ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโควิด กลุ่มแรงงานกลับบ้าน แบ่งเบาภาระ กทม.
ข่าวสด
28 มิถุนายน 2564 ( 15:29 )
99

 

'อนุทิน' สั่ง นพ.สสจ.ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโควิด ติดตามแรงงานกลับบ้าน แบ่งเบาภาระ กทม.ที่มีผู้ป่วยหนาแน่น พร้อมเปิดเตียงสนาม รพ.บุษราคัม เพิ่มอีกหลายพันเตียง

 

 

 

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. แถลงข่าวภายหลังประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ตรวจราชการ สธ. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และ ผอ.รพ.ทั่วประเทศ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19

 

 

 

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นพ.สสจ.ทุกจังหวัดบริหารจัดการ รพ.ในจังหวัดให้เป็นเครือข่าย ตรวจเช็กทรัพยากรที่มีในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยให้ผู้ตรวจราชการ สธ.บริหารจัดการทุก รพ.ในเขตสุขภาพ หากมีความจำเป็นต้องใช้เตียง อุปกรณ์การรักษา ก็ให้บริหารจัดการดูแลภายในเขตสุขภาพ

 

 

 

"ส่วนแรงงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนาได้ให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ตามมาตรการเหมือนกับปีที่แล้ว ทั้งการรายงานตัว ให้ อสม.ติดตามผู้เดินทางเข้ามา หรือการกักตัวในโลคัลควอรันทีน ซึ่งในส่วนของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็ต้องให้นายจ้างร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย ทั้งหมดถือเป็นการช่วงแบ่งเบาภาระของ กทม. ซึ่งมีการติดเชื้อจำนวนมาก"

 

 

 

"ปัญหาความหนาแน่นอยู่ใน กทม. ซึ่ง สธ.ไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการอะไรได้ แต่พร้อมเข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระ กทม. โดย สธ.จะดูแลเรื่องการรักษาอย่างเต็มที่ เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้มีการป่วยหนักและเสียชีวิต เช่น เปิดเตียงสนามใน รพ.บุษราคัมเพิ่มขึ้นเป็นโคฮอทวอร์ด ซึ่งเรายังมีศักยภาพในการเพิ่มจำนวนเตียงได้อีกหลายพันเตียง โดยวันนี้จะมีการไปหารือกับทางเมืองทองธานี เพื่อขอใช้สถานที่ต่อจากเดือน ส.ค.ไปอีก รวมถึงการร่วมกับกองทัพบก และรพ.ธนบุรี จัดทำโคฮอทและไอซียูสนาม 186 เตียงที่มณฑลทหารบกที่ 11"

 

 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อแต่ละวันจะทำในระบบควบคุมโรค ซึ่ง สธ.ทำหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือหน่วยงานอื่นๆ เช่น ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ในการเฝ้าระวังคนไม่ให้หนีออกไปหรือลักลอบเข้าประเทศ

 

 

สำหรับเรื่องฉีดวัคซีนเน้นย้ำให้ฉีดตามนโยบายของ ศบค. คือ กลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรค ให้เสร็จภายใน 2 เดือน คือ ก.ค.-ส.ค. ซึ่งตอนนี้มีวัคซีนเข้ามาพอเพียง ต้องขอเห็นใจประชาชน ถ้าฉีดสองกลุ่มนี้ได้ อัตราการตายจะลดลง ส่วนประชาชนก็จะฉีดตามวงรอบ ขอให้ความมั่นใจระบบสาธารณสุขยังดำเนินการอยู่ สำหรับภายในมิ.ย.นี้ยืนยันว่าจะฉีดวัคซีนทะลุ 10 ล้านโดสตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้ว 9 ล้านกว่าโดส วัคซีนยังมีในสต๊อกเพียงพอ

 

 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดหามาอย่างเพียงพอในทุกเดือน ล่าสุด ผอ.อภ.รายงานว่า ช่วงกลาง ก.ค.ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ อภ.ใช้สารตั้งต้นมาผลิตในชื่อ "ฟาเวียร์" น่าจะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากผ่านการทดสอบชีวสมมูลแล้ว โดย ส.ค.จะเริ่มผลิตได้ ช่วงแรกผลิตเดือนละ 2 ล้านเม็ด และหากผลิตได้เพิ่มก็จะช่วยลดการนำเข้า

 

 

ด้านนายสาธิต กล่าวว่า แนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้านระหว่างรอเตียง (Home Isolation) อยู่ภายใต้การการพิจารณาของบุคลากรทางการแพทย์ และอยู่ในระบบการตรวจสอบ ติดตามอาการ หากอาการเปลี่ยนแปลงมีระบบส่งต่อไปรักษาตัวยัง รพ. โดยเริ่มดำเนินการแล้ววันนี้ (28 มิ.ย.) เฉพาะพื้นที่กทม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง