ไทยชี้ชัด “เด็ดขาดได้อีก” ท่าทีใหม่บนเส้นบางระหว่างสันติภาพกับความมั่นคง

สมช.มีมติระงับปฏิญญาไทย–กัมพูชา
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณามาตรการตอบโต้กรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ชายแดน โดยใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
หลังการประชุม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงร่วมกันว่า สมช.เห็นชอบให้ “ระงับปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” หรือปฏิญญาความร่วมมือไทย–กัมพูชา ทั้ง 4 ข้อ และยุติการส่งมอบเชลยศึกคืนให้กัมพูชา พร้อมมอบอำนาจให้กองทัพสามารถปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ได้ตามสถานการณ์ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดทางยุทธการ
พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า การสูญเสียกำลังพลของไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเหตุเกิดในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงและกระทบต่อศักดิ์ศรีของชาติ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะปกป้องชีวิตประชาชนและดินแดนไทยเต็มความสามารถ
ไทยเรียกร้องกัมพูชารับผิดชอบ–ย้ำละเมิดข้อตกลง
ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ระบุว่า เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย–กัมพูชา ซึ่งเคยใช้เป็นกรอบสันติภาพร่วมกัน ไทยจึงมีมติระงับการปฏิบัติตามปฏิญญา ยกเว้นภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ไทยที่ยังดำเนินต่อเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการต่อ นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา พร้อมย้ำว่าเหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงโดยตรง ทั้งนี้ไทยจะส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง รวมถึงประท้วงภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิด เพื่อให้ประชาคมโลกเข้าใจเหตุผลที่ไทยต้องระงับปฏิญญา
นอกจากนี้ ไทยจะชี้แจงต่อสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศสักขีพยานร่วมลงนามในปฏิญญาฉบับดังกล่าว เพื่อยืนยันจุดยืนของไทยและเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ เช่น การกล่าวขอโทษและการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมออกมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
“บิ๊กเล็ก” ลั่นไม่เจรจาอีก–อุบรายละเอียดการทหาร
พลเอก ณัฐพล ยืนยันว่า ที่ประชุม สมช. ให้อำนาจกองทัพสามารถปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่อธิปไตยของไทยได้ตามสถานการณ์ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียด พร้อมระบุว่ามาตรการนี้ถือเป็นการยกระดับการตอบโต้แล้ว
เมื่อถูกถามถึงการเจรจากับกัมพูชา พลเอก ณัฐพล กล่าวชัดว่า จะไม่มีการเจรจาผ่านคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (GBC) อีก โดยถือว่าการหารือครั้งที่ผ่านมาเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนการดำเนินการทางการทูตจะเป็นไปตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศ
เขายังย้ำว่าการถอนอาวุธหนักได้ถูก “ระงับไว้แล้ว” และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการนำอาวุธกลับไปประจำการหรือไม่ พลเอก ณัฐพลกล่าวเพียงว่า “ขอไม่ตอบในรายละเอียด”
“สีหศักดิ์” ชี้ไทยเด็ดขาดแล้ว–แต่พร้อมเด็ดขาดกว่านี้
นายสีหศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การระงับปฏิญญาครั้งนี้ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดของฝ่ายไทย และจะพิจารณายกระดับเพิ่มขึ้นหากกัมพูชาไม่ตอบสนองอย่างมีความรับผิดชอบ โดยย้ำว่า “ไทยชัดเจนแล้ว แต่เด็ดขาดได้อีก”
ทั้งนี้ ไทยจะยังดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในฝั่งไทยต่อไปผ่านศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ซึ่งขณะนี้ดำเนินการในพื้นที่นำร่องแล้ว 4 แห่งจากทั้งหมด 5 แห่ง โดยยังรอการตอบรับจากฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่สุดท้าย
จุดยืนไทย ปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว
สำหรับมาตรการตอบโต้ในระยะต่อไป พลเอก ณัฐพล ระบุว่า หากพบการรุกล้ำหรือรื้อแนวลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จะมีการใช้กำลังตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง โดยอาจใช้ทั้งอาวุธเบาและอาวุธหนักตามความจำเป็น พร้อมยืนยันว่ากองทัพไทยได้รับมติรับรองจาก สมช. ให้ดำเนินการทางทหารได้ภายใต้กรอบการปกป้องอธิปไตยของชาติ