"อนุทิน" สั่งผู้ว่าฯ - กทม. เตรียมพร้อมรับมือ "ไต้ฝุ่นคัลแมกี"

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการเน้นย้ำให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ดำเนินมาตรการรับมือพายุอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสื่อสารกับประชาชนทุกช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที และให้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมใช้งาน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์
การเคลื่อนตัวของพายุและสถานการณ์ฝนตกหนัก
นายอรรษิษฐ์ฯ ระบุว่า สถานการณ์ของพายุคัลแมกีมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่นและกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนกลางประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ จากนั้นจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนาม และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์นี้ หลายพื้นที่ทั่วทุกภาค รวมถึงกรุงเทพมหานคร ยังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ฝนตกหนัก
มาตรการเตรียมพร้อมในพื้นที่เสี่ยง
กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และประสานกรุงเทพมหานครให้เร่งดำเนินการในประเด็นสำคัญ ดังนี้:
- การบริหารจัดการน้ำและจราจร: สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตเศรษฐกิจ ต้องเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และติดตั้งเครื่องมือสำหรับการระบายน้ำอย่างเต็มกำลัง รวมถึงจัดทำป้ายแจ้งเตือนหรือสัญลักษณ์ในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขังสูง เพื่อป้องกันอันตรายโดยเฉพาะจากกระแสไฟฟ้ารั่ว และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพื่ออำนวยความสะดวก
 - ความปลอดภัยของโครงสร้าง: ให้เฝ้าระวังความปลอดภัยของป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้าง ไม้ยืนต้น หรือโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสี่ยงจะโค่นล้มหรือพังทลาย หากพบความเสี่ยงสูง ต้องประกาศห้ามสัญจรหรือห้ามประชาชนพักอาศัยบริเวณดังกล่าว
 - การสื่อสาร: ประสานงานกับวิทยุชุมชน วิทยุกระจายเสียงคลื่นหลัก และสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อร่วมกันสื่อสารแจ้งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสภาพอากาศและการจราจร
 
การดูแลและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สำหรับพื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบด้านการดำรงชีพ เจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมการดูแลด้านปัจจัย 4 เช่น การมอบถุงยังชีพและอาหารสำเร็จรูปตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว จะเร่งสำรวจความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ครอบคลุม เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็วและทั่วถึง
ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัยหมายเลข 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
