รัฐบาลแจงปรับ ครม. ไม่กระทบ อีอีซี
วันนี้ (31 ก.ค.63) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงข้อกังวลว่าการปรับคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. อาจมีผลต่อความต่อเนื่องของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า ขณะนี้การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสําคัญใน อีอีซี มีความคืบหน้าไปมาก โดยมี สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นผู้ติดตามความก้าวหน้า จึงให้ความมั่นใจได้ว่า ทุกอย่างเดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 ช่วงที่ 1 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการคัดเลือกได้เร่งเจรจาผลตอบแทน และร่างสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC คาดว่า จะลงนามสัญญาได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
นางสาวรัชดา ยังกล่าวด้วยว่า แม้จะมีการยื่นขอการลงทุนใน อีอีซี ลดลง ในช่วงเดือนเมษายน - เดือนมิถุนายน เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด 19 แต่คาดว่า จะมีเพิ่มขึ้นจากนี้เป็นต้นไป เพราะยังมีนักลงทุนที่ต้องการย้ายการลงทุน สืบเนื่องจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ และ 3 อันดับแรกของประเทศที่เข้ามาลงทุนประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ จึงขอให้ประชาชนและภาคเอกชน มั่นใจได้ว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้ความสำคัญขับเคลื่อนการลงทุนในไทย และในพื้นที่ อีอีซี ผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี สกพอ. ที่เป็นหน่วยงานหลักในการติดตามดูแลการดำเนินงานโครงการ อีอีซี ดังนั้น การปรับคณะรัฐมนตรี จึงไม่กระทบต่อความต่อเนื่องของโครงการแต่อย่างใด และนอกจากความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างพื้นฐาน สกพอ.ได้ เดินหน้าควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรร่วมกับสถาบันการศึกษาและเอกชน เพื่อรองรับการจ้างงานใน อีอีซี เป้าหมาย จำนวนหลักแสนอัตรา ในช่วงปี 2562-2566
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE