BEMรับเปิดสีเหลือง หุ้นหลบภัยกำไรนิวไฮ
กรมการขนส่งราง ชูผู้โดยสารเติบโตดี แห่ใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น นักวิเคราะห์ชี้ BEM รับประโยชน์ มองสายสีเหลืองเริ่มเดินรถส่งคนเข้า BEM อนาคตโอกาสผู้โดยสารสูงสุด ทุกสายเชื่อมหมด ชี้กำไรนิวไฮ สวนราคาหุ้นยังต่ำกว่าก่อนโควิด 27% มองเป็นหุ้นพื้นฐานดี โตสูง เป็นหลุมหลบภัย เป้าไม่รวมสีส้ม 10.45 บาท
กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม รายงานข้อมูลผู้โดยสารเดือนพฤษภาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 35,949,972 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า (MoM) 8.22% แบ่งเป็น ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายมีเขียวจำนวน 20,377,246 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 9.99% ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 9,932,123 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 6.39% ผู้โดยสารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 1,949,409 คน-เที่ยว ลดลง 1.74% ผู้โดยสารแอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ 1,775,371 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.41% ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง 1,181,206 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 16.80% ผู้โดยสารรถไฟสายสีแดง 551,548 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 4.61% ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีทอง 183,069 คน-เที่ยว ลดลง 6.46%
@อนาคตผู้โดยสารสูงสุด
ด้านนายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารทางรางเดือนพฤษภาคมนั้น นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวของเมือง และผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เดือนพฤษภาคม จะมียอดผู้โดยสารที่สูงกว่าเดือนเมษายน เนื่องจากเดือนเมษายนมีวันหยุดมาก
ทั้งนี้มองแนวโน้มปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีกับกลุ่มรถไฟฟ้า โดยเฉพาะ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งที่ผ่านมาก็แสดงผลประกอบการที่แข็งแกร่งมีผู้โดยสารนับ 4 แสนราย ซึ่งเป็นจุดที่สามารถทำกำไรได้
นอกจากนี้ BEM ยังจะได้รับผลดีจากการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ซึ่งจะทำให้ส่งผู้โดยสารเข้าไปสู่สายสีน้ำเงินมากขึ้นในอนาคต แม้การเปิดเดินรถในช่วงวันที่ 3 มิถุนายนนี้ จะเริ่มต้น จากสถานีหัวหมาก ถึง สถานีสำโรงก่อน แต่ท้ายที่สุดก็จะมีการขยายถึงลาดพร้าว และส่งผู้โดยสารต่อเนื่องเข้า BEM
“ด้วยการที่สายสีน้ำเงินเป็นสายวงกลม ดังนั้นการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าต่างๆ จะส่งต่อผู้โดยสารเข้าสายสีน้ำเงินได้หมด ซึ่งจะคล้ายกับรถไฟฟ้าสายยามาโนเตะในประเทศญี่ปุ่นที่เดินรถเป็นวงกลม นับเป็นรถไฟฟ้าที่มีจำนวนผู้โดยสารสูงที่สุดในญี่ปุ่นเฉลี่ยล้านคนต่อวัน ดังนั้นสายสีน้ำเงินก็มีโอกาสเป็นเช่นนั้น เพราะจะมีรถไฟฟ้าทุกสายเข้ามาชนหมด”
@ หุ้นหลุมหลบภัย
ดังนั้นบทวิเคราะห์ของบริทหลักทรัพย์ลิเบอเรเตอร์ จึ งเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” BEM แม้ประเด็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทชนะประมูลไปแล้วจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ต้องไม่ลืมว่า บริษัทไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งในศาล
ขณะที่ไส้ในงบไตรมาส 1/2566 สูงกว่าตลาดคาด 10% กำลังเริ่มฉายแววสดใสจากการเริ่มพลิกมีกำไรครั้งแรกในรอบกว่า 18 ปีของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจากพฤติกรรมผู้เดินทางที่เริ่มเดินทางไกลขึ้นหลังบริษัทสามารถให้บริการครบวงรอบ กทม. ได้แล้ว คาดปีนี้ กำไรสุทธิ, EBITDA และ GPM จะพร้อมใจทำสถิติใหม่พร้อมกัน
โดยในส่วนกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 3,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% ทุบสถิติใหม่บริษัท โดยงบไตรมาส 1/2566 ซึ่งมีกำไร 749 ล้านบาท สูงกว่าคาด 10% มีเบื้องหลังที่น่าตื่นเต้น คือ ธุรกิจรถไฟฟ้ากำลังผ่านจุดคุ้มทุนแล้วหลังเปิดให้บริการมา 18 ปี 10 เดือน โดยอัตรากำไรขั้นต้นพลิกจาก -7.2% ในไตรมาส 4/2565 เป็น +4.1% ในไตรมาส 1/2566 ขณะที่ในวันทำงานจำนวนผู้โดยสารยืนเหนือกว่า 4 แสนเที่ยวต่อวัน มาตลอดปี
การที่รถไฟฟ้าเส้นนี้ให้บริการเต็มวงแหวนรอบ กทม. ทำให้พฤติกรรมการเดินทางไกลขึ้นจาก 4.5 เป็น 5.5 สถานีต่อ เที่ยว จึงดันรายได้ของธุรกิจนี้เติบโตถึง +7.2% เทียบไตรมาสก่อน +58.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ให้ราคาเหมาะสม 10.45 บาท โดยมีอัพไซด์นอกประมาณการจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเบื้องต้น +1.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งยังไม่ได้ถูกรวมในครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างรอ ครม.อนุมัติ
มองว่า BEM เหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อในคุณภาพของกำไร และให้น้ำหนักกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ปัจจุบันมากกว่าเรื่องราวบนหน้าข่าว ปีนี้บริษัทจะมีกำไร All Time High 3.6 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าช่วง Pre-Covid ถึง 27% มองว่า หุ้น Defensive With Growth ระดับเติบโต 47.7% จะเป็นหลุมหลบภัยพักเงินได้ดีในยามตลาดมีแต่ความกังวล