3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นไทยภาคบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า Goldman Sachs คาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ 90% ที่จะเกิดการปิดระบบ (Government Shutdown) ของสภาสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ต.ค. นี้ แม้ว่าวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกินและเดโม-แครต ใกล้จะบรรลุข้อตกลงผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวก่อน 30 ก.ย. นี้ จึงคาดว่าดัชนีหุ้นไทยบ่ายนี้ มีแนวโน้มชะลอ Sidewaysวางแนวรับ 1,486-1,490 จุด น่าประคองตัวยืนเหนือได้

โดยคืนนี้ติดตามรายงานตัวเลขจีดีพีงวดไตรมาส 2/66 ของสหรัฐ  ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.1% (ก่อนหน้า2%) และจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ตามคาดการณ์อยู่ที่ 2.15 แสนตำแหน่ง หากตัวเลขจีดีพีดีกว่าคาด และผู้ขอยื่นรับการว่างงานลดลง จะสะท้อนโอกาสที่พาวเวลเคยส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง

ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้า ลดคาดการณ์จีดีพีของไทยปีนี้ เหลือ 3% จากเดิมคาดโต 3.6% แต่ยังมากกว่าคาดการณ์ของ กนง. ที่ปรับคาดการณ์จีดีพี เหลือ 2.8% จากเดิม 3.6% ประเมิน Neutral ต่อมุมมองตลาด โดยเมื่อวานตลาดน่าจะดูซับไปแล้ว

ส่วนหุ้นเทคนิคแนะนำเก็งกำไร SPRC และTEAM

บล.เอเอสแอล ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแม้มีแรงพยุงจากกลุ่มธนาคาร พลังงาน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตาม Sentiment บวกของแต่ละกลุ่ม ทั้งจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ตามลำดับ ขณะที่ Sentiment จากต่างประเทศยังไม่สดใส จาก US Bond yield ยังอยู่ในระดับสูง Dollar index แกว่งตัวในแนวโน้มแข็งค่า และ VIX index ที่ยังปรับตัวขึ้นอีก 3% 

โดยคืนนี้ต้องติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 ของสหรัฐ ซึ่งคาดจะเพิ่มขึ้น 2.2% จากครั้งก่อนที่เพิ่มขึ้น 2.0% และตัวเลข PCE เดือน ส.ค. ซึ่งคาดโต 3.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากเดือนก่อนที่เติบโต 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงติดตามการแสดงความเห็นของพาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมทาวน์ฮอลล์ 

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,487-1,508 จุด หากระหว่างวันยืนเหนือ 1,500 จุดไม่ได้ มีโอกาสถูกขายมากขึ้น 

บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหว Sideways หลัง กนง.ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยปรับลดจีดีพี จาก 3.6% เหลือ 3.0% เป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนีเพิ่มเติม หากดัชนีหลุดแนวรับ 1,485 จุดให้ขายออกทันที ช่วงบ่ายดัชนีมีแนวรับที่ 1,485 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,500 จุด 

ขณะที่ตลาดหุ้นในภาคเช้า ดัชนีเปิดในแดนบวก แต่มีแรงขายเร่งตัวในเวลาต่อมา ทำให้ดัชนีปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว แรงขายกระจายในหลายกลุ่ม โดยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดที่ 1,493.89 จุด ลบ 3.26 จุด หรือ 0.22% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 29,561 ล้านบาท