"แบงก์-นอนแบงก์" ตีปีก AMC ซื้อหนี้ต่ำ 100,000 บาท "หยวนต้า" มองช่วยลด NPL เร่งขายหนี้เสีย

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจมีมติเห็นชอบโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC โดยมีเป้าหมายหลักในการแก้หนี้ที่เป็น NPL และเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท ต่อราย
ครอบคลุมลูกหนี้กว่า 3.4 ล้านราย คิดเป็นภาระหนี้กว่า 122,000 ลบ. โดยใช้แหล่งเงินทุนจากส่วนลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ที่เหลือจากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดยโครงการจะแบ่งเป็น 2 เฟส ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มต้นจากลูกหนี้รายย่อยของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทลูกอื่นๆ รวมถึงลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือ SFI คิดเป็นภาระหนี้ราว 62,400 ลบ. และมีแผนจะขยายขอบเขตลูกหนี้ในเฟส 2 ให้ครอบคลุมนอนแบงก์อื่นๆ ในอนาคต
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะถูก ครม. พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ย. นี้ และมีแผนเบื้องต้นที่จะเริ่มโอนหนี้ในเดือน ธ.ค. ก่อนที่จะเริ่มต้นปรับโครงสร้างหนี้ในเดือน ม.ค. 2026 ท้ังธนาคาร และนอนแบงก์จะได้อานิสงส์บวกจากมาตรการดังกล่าว คาดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดปริมาณหนี้ NPL ของสถาบันการเงิน จากการเร่งกระบวนการขายหนี้เสียให้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการดังกล่าวจะสามารถกลับมาขอสินเชื่อใหม่จากธนาคารได้เร็วกว่าปกติ เช่น 3-6 เดือนหลังมีการชำระหนี้ต่อเนื่อง จากปกติต้องชำระหนี้ต่อเนื่องถึง 3 ปี โดยมองว่าหุ้นที่จะได้ประโยชน์ 3 กลุ่ม ดังนี้
1)หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ลูกหนี้สินเชื่อไม่มีหลักประกันจำนวนมาก ได้แก่ SCB, KBANK และ KTB มีโอกาสที่จะถ่ายโอนหนี้เสียออกจากธนาคาร ช่วยให้ Coverage Ratio ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการตั้งสำรอง
2)นอนแบงก์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ และให้บริการสินเชื่อไม่มีหลักประกันเป็นหลัก ได้แก่ KTC
3)บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการแก้หนี้อย่าง BAM ที่ถือหุ้นใน ARI AMC (BAM ถือ 50% และธนาคารออมสินถือ 50%) ทำให้ BAM จะมีทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากผลดำเนินงานของ ARI AMC ที่เติบโตตามขนาดหนี้เสียภายใต้การบริหาร และรายได้ค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ ARI AMC ตามที่ตกลงกับธนาคารออมสิน
ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าสนใจเลือก KTB ส่วนนอนแบงก์แนะนำ BAM สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามต่อคือเงื่อนไขในการเจรจาตกลงราคาในการซื้อหนี้จากธนาคารพาณิชย์ และ SFI ว่าจะมีการตั้งราคาอย่างไรให้จูงใจสถาบันการเงินที่จะยอมตกลงขายหนี้ให้กับ AMC เพื่อบริหารจัดการต่อไปในระยะยาว
เบื้องต้นมีการระบุถึงการตั้งราคามาตรฐาน และโครงสร้าง Revenue Sharing ซึ่งคาดจะมีรายละเอียดมากขึ้นในลำดับถัดไป แต่เรามองว่าโครงการดังกล่าวมีประโยชน์กับธนาคาร และหนี้ที่เป็น NPL มีการตั้งสำรองไปแล้ว และหากมีการเพิ่มเงื่อนไขที่น่าจูงใจขึ้นจากปกติ
มองว่ามีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะยอมขายหนี้เสียให้กับ AMC เต็มจำนวนของมาตรการ สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าสนใจ เลือก KTB ราคาเป้าหมาย 32 บาท เนื่องจากมีสัดส่วนลูกหนี้ไม่มีหลักประกันราว 26% สูงที่สุดในกลุ่ม และพื้นฐานแข็งแรง มี ROE และ Dividend Yield อยู่ในเกณฑ์ดี
ส่วนกลุ่มนอนแบงก์แนะนำเป็น BAM ราคาเป้าหมาย 9 บาท เพราะจะได้ประโยชน์ในระยะกลาง-ยาว จากหนี้เสียภายใต้การบริหารที่จะเพิ่มขึ้นมากจากโครงการดังกล่าว และราคาหุ้นยังซื้อขายด้วย P/BV ที่ต่ำเพียง 0.5 เท่า และคาดให้ Dividend Yield อีก 7.8%
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
