ปัจจัยหนุน “ราคาทอง” ลุ้น 5,000 ดอลลาร์ จับตารอยร้าว ศึกชิงเก้าอี้ “เฟด”

ทองโลกยังคงทรงตัว จากการที่ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงทรงตัวที่ระดับ 97.95 หน่วย ในขณะที่สหรัฐฯ ได้ปิดทำการในวันคริสต์มาสเมื่อวันพฤหัสบดี ในขณะที่ตลาดยังคงจับตาประธานเฟดคนใหม่ที่จะได้รับการแต่งตั้งจาก ปธน.ทรัมป์แทนนายเจอโรม พาวเวล ที่กำลังหมดวาระในเดือนพ.ค. 2026 ซึ่งอาจมีการลดดอกเบี้ยอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง และอาจตามมาด้วยความขัดแย้งภายในคณะกรรมการเฟด

นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน , การบุกยึดเรือน้ำมันของสหรัฐฯ ต่อเวเนซุเวลา รวมถึงการเข้าซื้อทองคำจากธนาคารทั่วโลกได้เริ่มเก็บสะสมทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

ทั้งนี้ นายพอล วิลเลียมส์ (Paul Williams) กรรมการผู้จัดการของผู้จัดจำหน่ายทองคำแท่ง Solomon Global คาดว่าปัจจัยขับเคลื่อนเหล่านี้จะยังคงอยู่อย่างมั่นคงในปี 2026 และทองคำมีแนวโน้มที่จะเป็นขาขึ้นต่อไป โดยคาดว่ามีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2026 ทางด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม รวมสุทธิ 1,068.27 ตัน

ราคาทองโลกมีการปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 4,460 ดอลลาร์ และมีการปรับตัวขึ้น จึงประเมินว่า ทองโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,560 ดอลลาร์ และอาจมีการย่อตัวลงในภายหลัง แต่หากทองโลกหลุดแนวรับถัดไปที่ 4,440 ดอลลาร์ ทองโลกอาจมีการปรับฐานลงระยะสั้น

ราคาทองคำโลก แนวรับ : 4,460 และ 4,440 ดอลลาร์ แนวต้าน : 4,560 และ 4,580 ดอลลาร์

ทองโลกอยู่ในระยะขาขึ้น จึงแนะนำใช้กลยุทธ์ทยอยขายตามแนวต้านที่ระดับ 4,560 ดอลลาร์ และซื้อสะสมหากราคาลงทดสอบแนวรับที่ 4,460 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 4,440 ดอลลาร์ ลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน

ราคาทองคำแท่ง 96.5% แนวรับ : 66,000 และ 65,800 บาท แนวต้าน : 66,800 และ 66,950 บาท

ราคาทองในประเทศมีการปรับตัวขึ้น / ลง ตามทองโลก ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่า จึงแนะนำทยอยขายตามแนวต้านที่ระดับ 66,800 และทยอยซื้อตามแนวรับที่ 66,000 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 65,800 บาท ลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน