รีเซต

ทุเรียน 80 แต่ขายจริง 150 บาท พบเป็นภาพเก่าเล่าใหม่ ล่าสุดทุกร้านติดป้าย ตามจริงแล้ว

ทุเรียน 80 แต่ขายจริง 150 บาท พบเป็นภาพเก่าเล่าใหม่ ล่าสุดทุกร้านติดป้าย ตามจริงแล้ว
มติชน
29 พฤษภาคม 2564 ( 12:06 )
106
ทุเรียน 80 แต่ขายจริง 150 บาท พบเป็นภาพเก่าเล่าใหม่ ล่าสุดทุกร้านติดป้าย ตามจริงแล้ว

 

วันที่ 29 พฤษภาคม  นายศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา นำคณะเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน, สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่ตรวจสอบแผงขายทุเรียน ริมถนนเส้นบายพาสนครราชสีมา ภายหลังจากที่ได้มีชาวโซเชี่ยลแชร์ภาพแผงขายทุเรียนหมอนทองบริเวณดังกล่าว ติดป้ายหน้าร้านว่า “ทุเรียน 80 บาท” แต่เมื่อลูกค้าลงไปซื้อพบว่าไม่ได้ขายในกิโลกรัมละ 80 บาทตามป้ายที่ติดหน้าร้าน โดยมีราคาขายจริงอยู่ที่ กิโลกรัมละ 130-150 บาท ซึ่งทางร้านอ้างว่าป้าย “ทุเรียน 80 บาท” เป็นชื่อโลโก้ของร้าน ทำให้มีชาวโซเชี่ยลเข้าไปคอมเม้นท์และแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำทุ่งเหล็กทดสอบตาชั่งทุกร้าน เพื่อป้องกันการโกงตาชั่ง พร้อมกับติดสติ๊กเกอร์รับรองจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับรองว่าตาชั่งดังกล่าวผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ซื้อทุเรียนในแผงนี้ได้

 

 

 

 

 

นายศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยหลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบแผงขายทุเรียน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเส้นบายพาสนครราชสีมา มีอยู่กว่า 50 แผง พบว่าปัจจุบันทุกร้านไม่มีการติดป้าย “ทุเรียน 80 บาท” แล้ว ทั้งนี้ภาพที่แชร์ต่อในโลกโซเชี่ยลเป็นภาพเก่าของปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นตนเองพร้อมคณะก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และทำการปรับแผงค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่ร้านติดป้ายทำให้ประชาชนเข้าใจผิด แผงละ 200 บาทไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ทุกแผงจึงได้มีการติดป้ายบอกราคาตามจริง พร้อมกับแจ้งร้านขายทุกเรียนทุกแผงว่า หาในร้านมีทุเรียนหลายราคา ก็ให้ติดราคาไว้ให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน แต่หากประชาชนพบเห็นการติดป้ายสร้างความเข้าใจผิดลักษณะคล้ายกับป้าย “ทุเรียน 80 บาท” ก็ให้โทรศัพท์แจ้งสายด่วนที่เบอร์โทร 1569 แจ้งสถานที่พบเห็น ซึ่งจะโอนสายมาตรงที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อที่ตนเองจะได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง