ถอดหนังขึ้นหิ้ง Gone with the Wind “เหยียดผิว”

วันนี้ ( 11 มิ.ย. 63 )กระแสประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 60 ปีในสหรัฐ ที่มีชนวนจากการเสียชีวิตของชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน “จอร์จ ฟลอยด์” นอกจากจะลามไปสู่การทำลายอนุสาวรีย์รูปปั้นหลายแห่งในสหรัฐ ที่ถูกมองว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติแล้ว ล่าสุดยังได้ลุกลามไปถึงวัฒนธรรม “ป๊อป คัลเจอร์” ของสหรัฐด้วย โดยบีบให้บริษัทสื่อในสหรัฐ ต้องหันหลับมามองสำรวจในเนื้อหาที่ตัวเองนำเสนอ

ล่าสุดภาพยนตร์คลาสสิกระดับตำนาน เจ้าของ 8 รางวัลออสการ์ “Gone with the Wind” (กอน วิธ เดอ วินด์) ซึ่งเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองสหรัฐ ได้ถูกถอดออกจากบริการหนังออนไลน์ (streaming service) ของเอชบีโอ แม็กซ์ (HBO Max) 

ด้านบริษัทวอเนอร์มีเดีย ในเครือบริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ ซึ่งบริหารเอชบีโอ แม็กซ์ ให้เหตุผลว่า แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นมานานแล้ว แต่ทางบริษัทยอมรับว่า เนื้อหาในภาพยนตร์ ได้แสดงถึงอคติทางด้านเชื้อชาติและสีผิว ที่มีอยู่จริงในสังคมอเมริกัน ดังนั้น ทางบริษัทเห็นว่า การปล่อยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถรับชมได้ โดยไม่มีการขึ้นคำอธิบายและประณามเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ เป็นการแสดงความไม่รับผิดชอบ

ก่อนหน้าที่จะถูกถอดออกจากเอชบีโอเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ภาพยนตร์ระดับขึ้นหิ้งเรื่องนี้ เพิ่งติดอันดับ 1 ภาพยนตร์ที่ขายดีที่สุดของเว็บไซต์ Amazon.com 

Gone with the Wind เป็นภาพยนตร์ปี 1939 ได้รับรางวัลออสก้าร์ทั้งหมด 8 ตัว ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และยังสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ฮอลลีวู้ด เมื่อ แฮทตี้ แมคแดเนียล นักแสดงผู้รับบทหญิงรับใช้ผิวดำในภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นนักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาคนแรก ที่ได้รับรางวัลออสการ์นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม

ทว่า แมคแดเนียลกลายเป็นผู้ชนะรางวัลออสการ์ ที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรตินัก โดยเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปร่วมงานฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และหลังจากได้รับรางวัลออสการ์ แม้ว่าแมคแดเนียลจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องบอลรูมที่จัดเลี้ยงฉลองรางวัลออสการ์ แต่เธอก็ถูกจัดให้นั่งที่ด้านหลัง และทางผู้จัดยังต้องการควบคุมสุนทรพจน์กล่าวขอบคุณที่ได้รับรางวัลของเธอ เพราะกลัวว่าจะสร้างความขัดแย้งในเรื่องสีผิวมากเกินไป

ทางโฆษกของเอชบีโอ แม็กซ์ระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลับมาที่เอชบีโอ แม็กซ์ หลังจากมีการอภิปรายเกี่ยวกับบริบททางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และมีการประณามเนื้อหาที่เหยียดเชื้อชาติแล้ว