MCSแบ็กล็อกแน่นแสนตัน เจรจาปิดดีลงานใหญ่ญี่ปุ่น
#MCS #ทันหุ้น – MCS เร่งปิดดีลโครงการญี่ปุ่นอีกว่า 4 หมื่นตัน หนุนงานในมือสูงขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่กว่า 1 แสนตัน ทยอยรับรู้ถึงปี 2568 คาดผลงานฟื้นตัวขึ้นไตรมาส 4/2565 หลังกลับมาส่งสินค้าต่อเนื่อง ต้นทุนค่าขนส่งลดลง ราคาเหล็กทรงตัวหนุน โบรกมองพื้นฐานแกร่ง ฐานะการเงินดี งานในมือแน่น อัพไซด์เปิดกว้างกว่า 54% ชูปันผลสูง 7.7% เคาะเป้าหมาย 17.50%
แหล่งข่าวบริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS เปิดเผยว่า บริษัทมองว่าผลประกอบการน่าดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2565 หลังจากที่จะสามารถส่งมอบออเดอร์ให้แก่ลูกค้าได้ เพราะช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่บริษัทได้รับแบบเพื่อจะไปดำเนินการผลิตสินค้าต่อ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมีงาน (Backlog) ในมือกว่า 1 แสนตัน ที่จะทยอรับรู้รายได้และส่งมอบได้ไปถึงปี 2568 ดังนั้นหลังจากช่วงไตรมาส 4/2565 จะเก็บการเติบโตของบริษัทกลับมาในระดับที่ดีขึ้น หลังจากช่วงไตรมาส 2/2565 เห็นผลประกอบการลดลงจากการส่งมอบงานได้ แต่ทั้งนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวจากการส่งมอบแบบล่าช้าทำให้การผลิตล่าช้าออกไป
*เจรจารับงานต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจารับงานโครงการใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมูลค่างานกว่า 3-4 หมื่นตัน โดยคาดว่าจะทราบผลไม่เกินช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นโอกาสที่จะผลักดันงานในมือให้สูงขึ้น ทั้งนี้ความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่สำหรับประกอบอาคารสูงในประเทศญี่ปุ่นยังมีทิศทางที่ดี ประกอบกับ MCS ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการหลักของไทยที่ส่งออกโครงสร้างเหล็กไปประเทศญี่ปุ่นและเป็นบริษัทต่างประเทศแห่งเดียวที่ได้รับมาตรฐานการผลิตโครงสร้างขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น (S Grade) เชื่อว่าจะช่วยหนุนการผลิตที่มากขึ้นในปีนี้เพื่อการรองรับการเดินหน้าโครงการต่างๆ ในญี่ปุ่น
ด้านค่าขนส่งขณะนี้มีแนวโน้มลดลงจากช่วงปลายปีก่อนที่ค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้กระทบต่อต้นทุนของบริษัทบ้าง แต่เชื่อว่าต้นทุนค่าขนส่งจะลดลงแม้จะยังไม่กลับไปภาวะปกติ ส่วนราคาเหล็กก็มองว่ายังอยู่ในระดับทรงตัว เทียบกับช่วงที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ก็ยอมรับราคาต้นทุนเหล็กค่อนข้างควบคุมได้ยากแต่ขณะนี้ยังอยู่ระดับทรงตัวได้ โดยรวมมองว่าผลประกอบการน่าจะเห็นการฟื้นตัวช่วงไตรมาส 4/2565 ส่วนทั้งปีก็อาจจะเห็นการอ่อนตัวเล็กน้อยสอดคล้องกับการส่งมอบงานที่อาจจะล่าช้าบ้าง
*ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง MSC ว่า แม้จะมีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายในช่วง ไตรมาส 2/2565 แต่ประเมินว่า ปัจจัยพื้นฐานของ MCS ยังคงแข็งแกร่ง โดยช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีการแจ้งรับงานกว่า 1.2 แสนตัน ฝ่ายวิจัยคาดหวังว่าจะเห็นอัตราการใช้กําลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/2565 ต่อเนื่องไปยังครึ่งปีแรกปี 2569 นอกจากนี้ช่วงเดือนตุลาคม ดร. ไนยวน ชิ จะเดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อเจรจางานโครงการตึกสูงที่สุดในโตเกียวน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 40,000 ตัน และอีก 1 โครงการที่ฮอกไกโด รองรับBacklog ยาวไปถึงปี 2569
ภาพระยะยาวยังรุ่งเรือง คงคําแนะนํา “ซื้อ” ฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2565 แล้ว แต่ Outlook ยังคงรุ่งเรือง หากมองภาพระยะกลาง-ยาว MCS มีแผนการผลิตที่ชัดเจน และมีการรับ Raw Material จาก Supplier อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดํารงฐานะการเงินที่เป็น Net Cash ประกอบกับมี Backlog กว่า 1.2 แสนตัน รองรับยาวไปถึงปี 2569
*อัพไซด์สูง-ปันผล 7.7%
อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนในช่วง 2/2565 ที่อยู่เหนือความคาดหมายอาจทําให้ปรับลดประมาณการหลังจากเข้าพบผู้บริหารเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยคาดว่ากําไรปีนี้จะลดลงมา อยู่ในช่วง 600-750 ล้านบาท ส่งผลให้ Fair Value มีโอกาสลดลงเหลือ 12.60-15.70 บาท ซึ่งยังคงมี Upside จากราคาปัจจุบันถึง12-38% ในเบื้องต้นคงแนะนํา “ซื้อ” ประเมิน Fair Value อิง PER 10 เท่า บนประมาณการเดิมให้ราคาเหมาะสมที่17.50 บาท มี Upside 54.87% และDividend Yield 7.7%