รีเซต

ส่องทิศ GDP ไทย 2568 เสี่ยงต่ำสุดในอาเซียน นายกฯกางแผนพลิกฟื้น

ส่องทิศ GDP ไทย 2568 เสี่ยงต่ำสุดในอาเซียน นายกฯกางแผนพลิกฟื้น
TNN ช่อง16
3 พฤษภาคม 2568 ( 12:06 )
13

ภาษีทรัมป์ แผ่นดินไหว และอีกหลายปัจจัยเสี่ยง

ทำให้การเติบทางเศรษฐกิจ ของ "ประเทศไทย" ปีนี้ ไม่เหมือนที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้า

หลายหน่วยงานพากันปรับลดหรือหั่นเป้า "GDP" อัตราการเติบโตเศรษฐกิจของไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง

ที่น่าตกใจคือ บางหน่วยงานระดับโลก มองว่าไทยจะเป็นประเทศที่โตต่ำสุดในภูมิภาคด้วย

วันนี้ TNN WEALTH จึงรวบรวบข้อมูลมุมมองของหน่วยงานต่างๆ ที่สำคัญๆ มาไล่เรียงความเป็นไปได้ 

พร้อมด้วยตัวเลขสถิติ GDP ไทย ย้อนหลัง 10 ปี  


คลัง หั่นเหลือ 2.1 % จากเดิม 3.0 %


นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.1% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.6 – 2.6%) สาเหตุหลักมาจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ) และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยมูลค่าการส่งออกสินค้า ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.3% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 1.8 -2.8%) ซึ่งได้รับผลกระทบทางตรงจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ


อย่างไรก็ตาม การประกาศเลื่อนการบังคับใช้นโยบาย Reciprocal Tariff ออกไป 90 วัน นับจากวันที่ 9 เมษายน 2568 และกรณียกเว้นสินค้าบางประเภท เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ ได้บรรเทาผลกระทบของการส่งออกของไทยลงบางส่วน


คลังมองบวกหากสหรัฐฯผ่อนปรนภาษี หนุน GDP โตเพิ่มเป็น 2.5%


นายพรชัย  เปิดเผยว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ มีการผ่อนปรนด้านนโยบายภาษีกับประเทศไทยและประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ ในกรณีสูง (High Case) มีสมมติฐานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะมีการปรับลดภาษีนำเข้าของไทยและประเทศอื่น ๆ ซึ่งลดลงอยู่ที่อัตรา 10% จะส่งผลบวกให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากกรณีฐานเป็น 2.5% (อยู่ในช่วงประมาณ 2.0 – 3.0%) โดยแรงส่งหลักมาจากการส่งออกที่ขยายตัวมากขึ้น และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวตามการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น




ธนาคารโลก หั่น GDP ไทยเหลือแค่ 1.6 % ต่ำสุดในภูมิภาค


ธนาคารโลก ( World Bank ) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ฉบับเดือนเมษายน 2025 ปรับลดประมาณการ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ปี 2568 เหลือเพียง 1.6% หรือลดลงมากถึง 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่อยู่ที่ 2.9% ส่วนในปีหน้า 2569 ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยลงมาเหลือ 1.8% ลดลง 0.9 จุดเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ 2.7% 


การปรับลดประมาณการจีดีพีของไทยในครั้งนี้นับเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศ"อาเซียน" (ไม่รวมสิงคโปร์ บรูไน และเมียนมาเกิดสงครามกลางเมืองภายใน และแผ่นดินไหวรุนแรง)


IMF หั่น GDP ไทย อยู่ที่  1.8 % จากเดิม 2.9 %


กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หั่นประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงเหลือ 2.8% จาก 3.3% จากผลกระทบของภาษีทรัมป์ที่มีเศรษฐกิจแทบทุกประเทศ 

พร้อมกันนี้ยังได้ปรับลด GDP ไทยปีนี้ลงเหลือเพียงแค่ 1.8% จากเดิมที่ 2.9% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับเป็นการปรับลดลงถึง 1.1% 

ส่งผลให้ไทยเสี่ยงเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียในปีนี้ ส่วนประมาณการเติบโตของ GDP ไทยปี 2026 คาดการณ์ว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 1.6% เท่านั้น 

ทั้งนี้ ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่สหรัฐฯ ต้องการลดการขาดดุลทางการค้ามากที่สุด เนื่องจากไทยเป็นอันดับที่ 10 ที่สหรัฐฯ ขาดดุลด้วยอยู่ที่ -45,609 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 3.8% ของการขาดดุลในปี 2024


GDP ไทยย้อนหลังสถิติยังน่าห่วง


ขณะเดียวกันเมื่อมองกลับไปย้อนหลังในช่วงระยะเวลาประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา 

ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับเดียวกับที่ธนาคารโลกคาดการณ์ที่ 1.6 %  ในปี 2564 ซึ่งโตหลังจากติดลบอย่างหนักในปี 2563 คือ -6.2 %

ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 


ส่วนปีที่ผ่านมา 2567 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP อยู่ที่ 2.5 % เป็นการเติบโตอันดับเกือบรั้งท้ายในอาเซียน เหลือแค่เมียนมาเท่านั้น   



นายกฯกางแผนพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ผลักดัน GDP 


น.ส.แพทอง นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ : Mission Thailand” ว่า โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่อยากให้ประชาชนมั่นใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งไทยและรอบโลก รัฐบาลรับรู้การเปลี่ยนแปลงและรับรู้ถึงปัญหาอุปสรรค และไม่พลาดที่จะมองเรื่องโอกาส แนวทางการแก้ไขปัญหา และการรับมือต่าง ๆ


พร้อมกล่าวถึงประเด็น GDP ของไทย ระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตช้า GDP ทั้งปีอยู่ที่ 2.5% แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายตัวเลขขยับขึ้นเป็น 3.2% แสดงให้เห็นว่าการเร่งเครื่องทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดผลต่อไป แม้ว่าจะมีอุปสรรคผ่านเข้ามาทั้งแผ่นดินไหว และกำแพงภาษี แต่รัฐบาลก็พยายามหาทางออกและพูดคุยกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนเพื่อหาคำตอบที่เป็นประโยชน์จริง ๆ เพราะตนเชื่อเสมอว่า ภาครัฐหลายส่วนหลายมุมเราไม่รู้วิธีทำแต่เราสามารถเป็นผู้สนับสนุนให้เอกชนได้ เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันกับภาครัฐ อย่างเรื่องกำแพงภาษี เอกชนที่ลงทุนในสหรัฐมีอะไรบ้าง แล้วรัฐสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เราคงจะต้องสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้ต่อไป เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีนโยบายโดยตรงเพื่อที่จะช่วยให้นักลงทุนคนไทยไปลงทุนต่างประเทศ จึงอยากมุ่งเน้นเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อให้เอกชนนั้นเกิดความมั่นใจและเกิดศักยภาพที่ดีขึ้น


พร้อมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลมีแผนรองรับเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว เพื่อผลักดัน GDP ประเทศไทยให้สูงขึ้น และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย สร้างโอกาสและการหากิน ถือเป็นการต่อลมหายใจให้ธุรกิจรายเล็กสามารถดำรงอยู่ต่อได้ เร่งส่งเสริมและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ต้องการเชื่อมโยงประเทศไทยกับโลกเข้าหากัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะสามารถต่อยอดให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี หรือ ดิจิทัล ดึงดูดการลงทุนในการสร้าง Data Center และ Cloud Service ที่รัฐบาลลงทุนถึง 2.4 แสนล้านบาท เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาเกิดการจ้างงานใหม่ ๆ และทักษะใหม่ ๆ ให้กับคนไทย สนับสนุนด้านการค้า การลงทุน และภาคการผลิต ทั้งเรื่องการเกษตร, อาหาร หรือการบริการ ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง