3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นไทยภาคบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน

#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ฟิลิปปินส์นำร่องไทย 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ปธน. มาร์กอส จูเนียร์ เข้าพบ ปธน. ทรัมป์หารือขอลดภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บจาก 17% เป็น 20% ก่อนถึงเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ สาระที่ฟิลิปปินส์เสนอ คือ 1. มีความจำเป็นต้องมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง หากจะเป็นพันธมิตรที่แท้จริงของสหรัฐฯ เป็นเสนอข้อตกลงที่ยอมรับได้-เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์  2. วาระความมั่นคงและกลาโหม เน้นพันธมิตรทางทหาร เช่น แผนฝึกขีปนาวุธร่วม Typhon NMESIS เพื่อต่อกรกับจีนที่ไม่พอใจต่อความร่วมมือดังกล่าว หากตัวเลขที่ฟิลิปปินส์ได้รับออกมาต่ำกว่า 20% และก่อนหน้าอินโดนีเซียที่ได้ที่19% และเวียดนามที่20% ไทยจะแข่งขันเชิงการค้าได้ลำบากแม้ว่า รมว. คลัง และ รมช. คลัง คาดหวังจะได้อัตราภาษีที่ต่ำกว่า 36%

-วันที่ 24 ก.ค. นี้ รอดูตัวเลขนำเข้า-ส่งออกไทย มิ.ย. Consensus คาดส่งออกโต 18.5%YoY เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจาก พ.ค. ที่ 18.4% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ขณะที่นำเข้าจะชะลอเหลือ 17.7%YoY ลดลงเล็กน้อยจาก พ.ค. ที่ 18.0% ที่ผ่านมาการส่งออกโตจากภาวะการเร่งส่งออก เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่จะหมดช่วงผ่อนผัน 90 วัน ส่งผลให้ตัวเลขส่งออกพุ่งสูงขึ้นช่วง พ.ค. ต่อเนื่องถึง มิ.ย.

-วันนี้ ครม. ไฟเขียวนายวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่ โดยมีวิสัยทัศน์ที่สนับสนุนนโยบายการเงินแบบ Dovish-ผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ Real Interest Rate บ้านเราอยู่ที่ 2.0% มี Gap ที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว ดังนั้น ธปท. มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อีก 1-2 ครั้งภายในปีนี้ บวกต่อธนาคารขนาดกลาง-เล็กได้แก่หุ้น KKP, TISCO, TTB จาก NIM ขยายตัวระยะสั้น กลุ่มสินเชื่อ ได้แก่หุ้น MTC, TIDLOR และ SAWAD ที่สามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น และบวกเล็กน้อยต่อหุ้นอสังหาฯได้แก่หุ้น AP, LH, SIRI SPALI,  SC

-SET INDEX บ่ายนี้ คาดวิ่งในกรอบระหว่าง 1,198-1,212 จุด 

บล.เอเอสแอล ระบุว่าดัชนีช่วงเช้าปรับตัวออกข้าง ประชุมครม.วันนี้อนุมัตินายวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ซึ่งมีแนวคิดนำนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสอดคล้องไปกับนโยบายการคลังแบบขยายตัวของภาครัฐเพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นได้สะท้อนข่าวเชิงบวกนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มการเงินและหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ อาจเห็นการ Sell on Fact ในกลุ่มดังกล่าว ด้านผลประกอบการกลุ่มธนาคารออกมาแล้ว SCB และ  KKP โตเด่น 

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และกลุ่ม Magnificent Seven และมุมมองของบริษัทต่อแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังปีนี้, ติดตามการเจรจาการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้า 

กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีปรับตัวออกข้าง แนวรับที่ 1,185 จุด ไม่ต่ำกว่ายังอยู่ในกรอบการปรับตัวขึ้น แนวต้านที่ 1,218/1,230 จุด 

บล.โกลเบล็ก คาดดัชนียังแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม BANK เป็นตัวพยุงตลาดมองกรอบดัชนีช่วงบ่ายอยู่ที่ 1,200-1,212 จุด

ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับลบ ราว 5 จุด จากตลาดฯขาดปัจจัยบวกใหม่ นักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/68 ขณะที่กลุ่มธนาคารรายงานงบเรียบร้อยแล้ว มีแรงขายในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก เป็นต้น ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดตลาดที่ 1,206.57 จุด ลบ 1.56 จุด หรือ 0.13% มูลค่าการซื้อขาย 24,359 ล้านบาท