รีเซต

สาวท้องสุดทน! ถูกสามีซ้อม ร้องมูลนิธิปวีณาช่วยชีวิต

สาวท้องสุดทน! ถูกสามีซ้อม ร้องมูลนิธิปวีณาช่วยชีวิต
TNN ช่อง16
16 กรกฎาคม 2563 ( 16:05 )
238
สาวท้องสุดทน! ถูกสามีซ้อม ร้องมูลนิธิปวีณาช่วยชีวิต

วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 เวลา 13.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาน้องเค(นามสมมติ)มาพบ พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามคดี กรณีสามีได้ทำร้ายร่างกายเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.63 ด้วยการจับกดหัว แล้วต่อย ตบตี อย่างรุนแรง จนร่างกาย ใบหน้า ศรีษะ และตาบวมช้ำและยังขู่ว่า ถ้าแทงมึงตายกูต้องติดคุกกี่ปี จนทำให้หวาดกลัวมาก พร้อมกับเขียนรายละเอียดเพื่อชี้แจงถึงพฤติกรรมการกระทำของสามี เพื่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ


ต่อมาวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เพื่อนหญิงผู้เสียหายขอความช่วยเหลือด่วนให้มูลนิธิปวีณาฯพาไปแจ้งความ และตรวจร่างกาย และขอให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากร่างกายบอบช้ำ ต้องนอนพักรักษาตัวจนถึงทุกวันนี้ 



นางปวีณา กล่าวว่าในวันนี้นอกจากจะมาติดตามดำเนินคดีสามีทำร้ายร่างกายแล้ว หญิงผู้เสียหาย ยังประสงค์จะแจ้งความให้ตำรวจติดตามตัวคนขับแท็กซี่มาดำเนินคดีในข้อหาช่วยเหลือฝ่ายชายจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนแทบเอาตัวไม่รอด


น้องเค หญิงผู้เสียหาย ให้การว่า รู้จักกับฝ่ายชายมาได้ประมาณ 1 ปี แต่เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2563 ตั้งท้องได้3 เดือน จึงตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่กับฝ่ายชาย แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันก็มีการทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ซึ่งหลังสุดที่ถูกทำร้ายหนักวันที่ 31 ธ.ค.62 ถูกทำร้ายจนเข้า รพ.พระนั่งเกล้า พักรักษาตัว 11 วัน อาการซี่โครงร้าว ม้ามแตก ตับฉีก แต่ไม่ได้แจ้งความ เพราะทุกครั้งที่ฝ่ายชายทำร้ายมักจะมีการพูดจาข่มขู่ และบอกว่ารู้จักกับตำรวจหลายคน อย่างมากก็เสียค่าปรับ

 

ต่อมาวันที่ 6 ก.ค.63 เวลา 13.00 น.ได้ตัดสินใจจะเลิกกับฝ่ายชาย จึงได้มีการส่งข้อความไปบอกเลิก และบล็อกเบอร์โทรของฝ่ายชาย แต่ทางฝ่ายชายได้ให้น้องชายของตนเองโทรมาหา เพราะทางฝ่ายชายจะขอคุยเรื่องสิ่งของที่ยังอยู่กับฝ่ายชาย จากนั้นจึงปลดบล็อกเบอร์และได้มีการพูดคุยกับทางฝ่ายชายโดยตกลงยอมเลิกกันด้วยดี และขาดการติดต่อกันไป 


จนถึงเวลา 21.02 น.ผู้เสียหาย เลิกงาน จึงขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยไปดูหน้าออฟฟิศว่ามีฝ่ายชายมารอหรือไม่ เพื่อนแจ้งว่าไม่มี มีแต่แท็กซี่จอดอยู่ 1 คัน จึงรีบไปขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง และบอกคนขับแท็กซี่ว่าไปสนามบินน้ำ เพราะจะไปนอนบ้านแม่ แต่รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับออกมาจากหน้าออฟฟิศแล้วเลี้ยวมาอีกทาง จึงถามคนขับแท็กซี่ว่า ทำไมลุงเลี้ยวมาทางนี้ คนขับแท็กซี่บอกว่า แฟนหนูรออยู่ จากนั้นคนขับแท็กซี่ขับรถมาจอดต่อท้ายรถของฝ่ายชาย ผู้เสียหาย เห็นฝ่ายชายได้เดินลงมาจากรถ จึงขอร้องคนขับรถแท็กซี่ว่า อย่าเปิดล็อคประตูรถเพราะหนูอาจตายได้เลยนะลุง ฝ่ายชายเดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ตนเองนั่ง แต่ได้ล็อคประตูไว้ทันทางฝ่ายชายจึงเปิดไม่ได้ แต่ทางคนขับแท็กซี่ได้เปิดล็อคประตูให้ ฝ่ายชายจึงเปิดประตูและมากระชากตัวลงจากรถ และได้จ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่ไป400 บาท 


จากนั้นทางฝ่ายชายได้ฉุดกระชากเข้าไปในรถของเขา แล้วตบตี ต่อย จับหัวกดลง และพูดว่า ถ้าแทงมึงตายกูต้องติดคุกกี่ปี จึงขอร้องไม่ให้ฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย ฝ่ายชายจึงขับรถมุ่งหน้ามาทางรังสิตบอกว่าจะไปบ้านแม่ของฝ่ายชายอยู่ที่คลอง10 ธัญบุรี เมื่อมาถึงประมาณคลอง1 จึงได้โทรไปหาแม่ ทางแม่ฝ่ายชายบอกว่ามีญาติมาอยู่หลายคนไม่สะดวก ฝ่ายชายจึงบังคับให้ดิฉันพามาที่บ้านน้องชาย บ้านน้องสาว และบ้านแม่ของดิฉัน ซึ่งอยู่ที่จ.นนทบุรี และบอกว่าครั้งหน้าถ้าดิฉันหนีมาจะได้ตามมาถูก จากนั้นได้ขับรถพากลับมาที่ห้องเช่าแถวท่าอิฐ จ.นนทบุรี ที่เช่าอยู่ด้วยกันทางฝ่ายชายก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนถึงเช้าวันที่ 7 ก.ค.63 เวลาประมาณ 10.00 น.ฝ่ายชายก็ขับรถมาส่งที่ออฟฟิศ จากนั้นทางเพื่อนร่วมงานได้เห็นร่องรอยการถูกทำร้ายจึงได้โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพราะต้องการเลิกกับฝ่ายชาย และขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือให้ถึงที่สุด


นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า กรณีเคสน้องเคนั้น เป็นห่วงเรื่องสุขภาพและจิตใจของน้องเค รวมทั้งลูกในท้อง และความปลอกภัย ดังนั้นมูลนิธิปวีณาฯจึงให้การดูแลอย่างใกล้ชิด และฟื้นฟูสภาพจิตใจรวมทั้งต้องพาไปตรวจครรภ์ให้ครบตามกำหนด ซึ่งมูลนิธิปวีณาจะคุ้มครองน้องเคและลูกในท้องให้ดีที่สุด 


ทุกวันนี้สถิติการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของมูลนิธิปวีณาฯ มีเรื่องการทำร้ายร่างกายภรรยา หรือแฟน เป็นอันดับหนึ่ง จึงขอให้ผู้หญิงที่คิดจะคบหากับใคร ควรเรียนรู้ความประพฤติ รู้จักครอบครัว ศึกษาประวัติ ลักษณะนิสัยของฝ่ายชายใหแน่ชัดก่อน เพราะบางคนมีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง ก่อนที่จะตกลงอยู่กินกับฝ่ายชาย โดยเฉพาะการมีบุตรด้วยกัน ต้องมีความรัก มีความพร้อมที่จะมีบุตรเสียก่อน มิฉะนั้นเด็กที่เกิดมาจะเป็นเหยื่อของสังคมที่ชั่วร้ายต่อไป


ด้าน พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางใหญ่ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค 63 เลาประมาณ 21.00 น พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุว่ามีการทำร้ายร่างกาย ต่อมาผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามาเเจ้งความ ส่วนผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายทราบว่าเป็นสามีของผู้เเจ้ง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนี้ทางผู้แจ้งได้กล่าวหาว่า คนขับแท็กซี่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องดูเจตนาว่าคนขับเเท็กซี่มีส่วนในการร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในการรวบรวมพยานหลักฐานและรอผลตรวจจากโรงพยาบาล ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand 
facebook live : TNN Live 
twitter : @TNNThailand 
Line : @TNNONLINE 
Youtube Official : TNNThailand 
Instagram : @tnn_online 
TIKTOK : @tnnonline



ข่าวที่เกี่ยวข้อง